สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายกว่า 20 รายจากทั่วประเทศ เข้าแจ้งความผ่าน www.thaipoliceonline.go.th ระบบรับแจ้งออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าได้ติดต่อจองห้องพักผ่านทางบัญชีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊กรายหนึ่ง และผ่านทางกลุ่มไลน์ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทแห่งหนึ่ง โดยเปิดให้ประชาชนโอนเงินประมูลห้องพักราคาถูก แต่กลับไม่ได้เข้าพักจริง หรือได้ห้องมูลค่าต่ำกว่าที่ประมูล สร้างความเสียหายรวมกันกว่า 2,960,228 บาท และยังเคยมีการเชิญกลุ่มผู้เสียหายนำกรณีดังกล่าวออกตีแผ่กระแสในรายการชื่อดังอีกด้วย
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก จนทราบพฤติการณ์ของคนร้ายโดยละเอียด
โดยบริษัทดังกล่าวได้นำภาพถ่ายจริงของโรงแรมที่พักหรูระดับ 4 - 5 ดาว มาใช้โฆษณาขายในราคาถูกต่ำกว่าราคาจริงประมาณ 30-50 เปอร์เซ็นต์ โดยให้สมาชิกประมูลที่พักตั้งแต่ราคาเริ่มต้นห้องละ 100 บาท ขึ้นไป และยังมีค่าสมัครสมาชิกในการประมูลอยู่ที่ 100-400 บาทต่อบัญชีสมาชิก เมื่อเสร็จสิ้นการจบประมูล แอดมินจะลบโพสต์และข้อความทั้งหมดออกแล้วติดต่อส่วนตัวกับผู้เข้าร่วมประมูลเพื่อแจ้งโอนเงินเข้าบัญชี บริษัทดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการโฆษณาขายโปรโมชันที่พักในรูปแบบต่างๆ เช่น กล่องสุ่ม-กล่องเซอร์ไพรส์, การซื้อครบยอดเพื่อชิงรางวัล, รางวัลสำหรับผู้มียอดซื้อสูงสุด, การขายคูปองส่วนลดที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินที่ซื้อ 20-70 เปอร์เซ็นต์, คูปองแถมที่พักหรูฟรี, คูปองเตียงเสริม, คูปองเข้าพักพร้อมกัน, คูปองห้องพักวันเสาร์, คูปองอัปเกรดห้องพัก, คูปองช่วงปิดเทอม, คูปองห้องพักช่วงไฮซีซัน, คูปองนวดของร้านสปาชื่อดัง เป็นต้น แต่เมื่อซื้อไปแล้วกลับไม่สามารถใช้ได้จริง
ต่อมา เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินแล้ว แอดมินจะมีการตั้งเงื่อนไขเพิ่มหลังการโอนเงิน คือให้เหยื่อพักฟรีต่อเนื่องโดยให้วางเงินประกันและส่งภาพรีวิวเพื่อเป็นหลักฐานขอรับเงินค่าที่พักคืน เหยื่อหลงเชื่ออยากได้ที่พักฟรีเพิ่มจึงโอนเงินเพิ่มอีก แต่หลังการเข้าพัก แอดมินจะบ่ายเบี่ยงการคืนเงินประกันคืน
อีกทั้ง ยังมีกรณีที่หลอกลวงให้เหยื่อชำระค่าที่พักไปก่อน หากไม่ชำระก็จะต้องเลื่อนการเข้าพักแล้วเรียกเก็บเงินประกันการเข้าพักล่วงหน้า 3-6 เดือน นอกจากการเงื่อนไขในการซื้อขาย แต่เมื่อถึงกำหนดพักจริงกลับไม่ได้เข้าพัก ถูกเลื่อนออกไป หรือถูกลดระดับโรงแรมที่มีราคาต่ำกว่าที่จองไว้และไม่คืนเงินประกันการเข้าพักให้ตามข้อตกลง และมีการหลอกล่อให้เหยื่อเปลี่ยนเงินประกันเป็นคูปองส่วนลดหรือคูปองเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่าเพื่อใช้ประมูลห้องพักต่อไปอีก
และยังมีอีกหลายกรณีที่เหยื่อได้รับใบจองเป็นหมายเลขการจองในเว็บไซต์จองโรงแรมชื่อดัง แต่เมื่อถึงกำหนดพักกลับไม่สามารถเข้าพักได้เนื่องจากทางโรงแรมไม่ได้รับการชำระเงินค่าที่พัก แต่หากผู้เข้าพักยืนยันจะเข้าพักต้องสำรองจ่ายให้โรงแรมไปก่อน และอ้างว่าจะได้คืนในวันที่เช็คเอาต์ แต่ก็ไม่ได้รับเงินคืนจริงแต่อย่างใด อีกทั้ง
ยังมีการใช้หมายเลขการจองจากเว็บไซต์จองโรงแรมชื่อดังดังกล่าวมาเสนอขายที่พักแบบระบุวันล่วงหน้า 1 - 3 เดือน ซึ่งห้องพักจะมีราคาถูกกว่าการจองจากเว็บไซต์ของจริง 40–60 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่สามารถเข้าพักได้จริง
ล่าสุด พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 และ พ.ต.ท.พิทักษ์พันธุ์ สุวรรน้อย รอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สอท.5 ได้นำกำลังตำรวจไซเบอร์ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า บริษัทดังกล่าวมี น.ส.บุษนาวี (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้ดำเนินการในฐานะนิติบุคคล มีการแสดงเอกสารการเป็นบริษัทตัวแทนจัดหาห้องพักที่จดทะเบียนถูกต้อง และการดำเนินธุรกิจมาแล้วหลายปีในลักษณะกึ่งการกุศล โดยอ้างว่ามีมูลนิธิแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตคอยสนับสนุนเงินส่วนต่างค่าห้องพักให้
ล่าสุด น.ส.บุษนาวี ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่ห้องกลุ่มงานสอบสวน บก.สอท.5 อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยเบื้องต้น น.ส.บุษนาวี ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวดำเนินการตามกฎหมายต่อไป