ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง ผบช.ทท. แถลงผลการปฏิบัติงาน "ตำรวจท่องเที่ยว กก.สส.บช.ทท. ได้จับกุมชาวต่างชาติลักลอบประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามนโยบายของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยมีมาตราการต่างๆเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และตำรวจท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย อีกทั้งยังมีหน้าที่ปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มผู้ลักลอบทำ “ทัวร์เถื่อน” เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวได้รับความเสียหาย กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนทำการจับกุมทัวร์เถื่อนมาโดยตลอด
กองกำกับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.สส.บช.ทท. มอบหมายให้ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ รักษา รอง ผกก.สส.บช.ทท. และชุดสืบสวน (พื้นที่ ภ.2 ) ให้ทำการสืบสวนกลุ่มผู้ลักลอบประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต และการลักลอบทำงานเป็นมัคคุเทศก์ของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยผิดกฎหมาย ตลอดถึงการดูแลและให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 เวลาประมาณ 12.30 น. กก.สส.บช.ทท.ชุดสืบสวน ( พื้นที่ ภ.2) ได้ออกตรวจบริเวณ ลานจอดรถ ตลาดน้ำ 4 ภาค ริมถนนสุขุมวิท ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้พบรถยนต์ ยี่ห้อ HONDA CRV สีเทา ทะเบียน กทม. ขับเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถดังกล่าว พร้อมนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 3 คน ลงมาจากรถแล้วชายคนดังกล่าวได้เดินนำนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้ง 3 คน เดินมาบริเวณห้องจุดจำหน่ายตั๋วบริษัททัวร์/ไกด์ เพื่อเข้าเที่ยวชมและซื้อสินค้าภายในตลาดน้ำ 4 ภาค หลังจากนั้นชายต่างชาติคนดังกล่าวได้นำสติ๊กเกอร์สำหรับการเข้าชมตลาดน้ำ 4 ภาค มามอบให้แก่นักท่องเที่ยวทั้ง 3 และก่อนเข้าได้ให้คำแนะนำให้ความรู้ ก่อนนำนักท่องเที่ยวไปส่งบริเวณทางเข้า ชายคนดังกล่าวจึงได้พักคอยอยู่บริเวณด้านนอกเพื่อรอนักท่องเที่ยวออกมาจากการเข้าชม หลังจากนั้นเวลา 14.20 ชายคนดังกล่าวได้เดินกลับไปเพื่อคอยนักท่องเที่ยวกลับมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแสดงบัตรประจำตัวข้าราชการ ทราบชื่อ Mr.HAO (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน และได้ขอทำการตรวจสอบกระเป๋าที่ Mr.HAO สะพายอยู่ก่อนทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ ก่อนทำการตรวจสอบจน Mr.HAO
เป็นที่พอใจจึงเริ่มทำการตรวจสอบ พบใบเสร็จชำระค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จำนวนหลายรายการ อยู่ภายในกระเป๋าที่ Mr.HAO สะพายอยู่ ด้วยพฤติการณ์ดังกล่าวของ Mr.HAO นั้น มีลักษณะเป็นมัคคุเทศก์ซึ่งให้ความรู้บริการให้ความสะดวกและขับรถพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งอาชีพมัคคุเทศก์นั้นเป็นอาชีพต้องห้ามสงวนให้คนไทย ตาม บัญชีท้ายประกาศกระทรวงแรงงาน งานที่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด บัญชีที่หนึ่ง (22) งานมัคคุเทศก์หรืองานจัดนำเที่ยว และจากการให้การของ Mr.HAO ยืนยันว่าการนำเที่ยวครั้งนี้ Mr.HAO ทำเองโดยไม่มีบริษัทใดให้บริการนักท่องเที่ยวครั้งนี้ โดย Mr.HAO คิดค่าบริการในการนำเที่ยวในราคา 500 หยวน/วัน รวม 6 วัน เป็น เงิน 3,000 หยวน (ประมาณ 14,500 บาท) นักท่องเที่ยวจ่ายค่าบริการผ่านช่องทาง Wechat และติดต่อซื้อทัวร์ทาง TIKTOK ซึ่งเข้าลักษณะการประกอกธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้อนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ผู้ถูกจับซึ่งไม่สามารถพูดและฟังภาษาไทยได้จึงให้ล่ามแปลภาษา ให้ทราบว่าได้กระทำอันเป็นความผิดฐาน
1.ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
2.หน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากนายทะเบียนฯ ตามมาตรา 49 ประกอบ มาตรา 86 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธุรกิจ นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559" คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงาน โดยไม่ได้รับอนุญาต ” ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง 2522
3.เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้" (ทำงานมัคคุเทศก์) ตาม พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ"
พร้อมทั้งแจ้งสิทธิให้ผู้ถูกจับได้ทราบ โดยผู้ถูกจับได้แจ้งให้ญาติทราบถึงการจับกุมแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน และนักท่องเที่ยว ให้ซื้อทัวร์กับบริษัททัวร์ที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจะต้องจัดทำ
1. ใบสั่งงานมัคคุเทศก์ ( Job order ) ซึ่งจะมีรายละเอียดชื่อผู้ประกอบธุรกิจนําเที่ยว และสถานที่และเลขที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนําเที่ยว, ระยะเวลาที่ใช้ในการนําเที่ยว, ค่าบริการและวิธีการชําระค่าบริการ, ลักษณะและประเภทของยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง, จุดหมายปลายทางและที่แวะพัก รวมทั้งสถานที่สําคัญในการนําเที่ยว, ลักษณะและประเภทของที่พัก ,จํานวนมัคคุเทศก์หรือผู้นําเที่ยวในกรณีที่จัดให้มีมัคคุเทศก์หรือผู้นําเที่ยว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบมัคคุเทศก์มีหน้าที่ต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และถ้าเป็น ใบสั่งงานมัคคุเทศก์แบบออนไลน์ซึ่งสามารถเข้าตรวจสอบได้ทันที จะเป็นการสะดวกทั้งผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันการทำใบสั่งงานมัคคุเทศก์หาย หรืออ้างว่าลืมนำติดตัวมา
2.ในการจัดให้มีมัคคุเทศก์เดินทางไปกับนักท่องเที่ยวผู้ประกอบธุรกิจนําเที่ยวต้องใช้มัคคุเทศก์ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ (ซึ่งอาชีพไกด์ เป็นอาชีพสงวนไว้เฉพาะคนไทย ชาวต่างชาติไม่สามารถประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ได้)
3.ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องจัดให้มีประกันอุบัติเหตุ ให้แก่นักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ ในระหว่างเดินทาง
กองบัญชาการตำรวจตำรวจท่องเที่ยวจึงขอประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อทัวร์กับผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวที่ถูกกฏหมายเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
หากพบเห็นผู้กระทำความผิด สามารถแจ้งเหตุได้ที่ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือสถานีตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ทันที ตำรวจท่องเที่ยวยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง