กระทรวงพาณิชย์หารือและเปิดรับฟังความคิดเห็นแนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนการค้าของธุรกิจ SMEs ไทย ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติ พ.ศ.2568-2570 จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมกันกว่า 50 หน่วยงาน โดยที่ประชุมเห็นชอบ 4 ประเด็นการพัฒนาสำคัญ

วันที่ 23 ส.ค.67 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้จัดการประชุมครั้งสำคัญรวมพลังกว่า 50 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน เพื่อร่วมกันให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อแนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนการค้าของธุรกิจ SMEs ไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ประเด็นสำคัญที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติ พ.ศ.2568-2570 การประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นในส่วนภูมิภาคครบทั้ง 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นการรับฟังความคิดเห็นในประเด็นการพัฒนาการค้าของธุรกิจ SMEs เนื่องจากธุรกิจ SMEs ถือเป็นแกนหลักสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 99 ของจำนวนธุรกิจภายในประเทศทั้งหมด และเป็นแหล่งการจ้างงานกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ อย่างไรก็ดี ธุรกิจ SMEs ยังคงมีประเด็นความท้าทายที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และร่วมกันผลักดันการพัฒนาและส่งเสริมให้ธุรกิจ SMEs ดำเนินธุรกิจได้เท่าทันกับสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบัน

โดยแผนการพัฒนาการค้าของธุรกิจ SMEs มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ธุรกิจ SMEs สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศได้เป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP และมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 20% ต่อมูลค่าส่งออกรวมภายในปี 2570 ตามที่แผนการพัฒนาของประเทศไทยได้กำหนดไว้โดยที่ประชุมได้เห็นชอบ 4 ประเด็นหลัก สู่การพลิกโฉม SMEs ไทย ประกอบด้วย (1) การส่งเสริมการค้าภายในประเทศ โดยการพัฒนาสินค้าและบริการของธุรกิจ SMEs ให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค การส่งเสริมการค้าผ่านเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่เชิงพาณิชย์ต่าง ๆตลอดจนการส่งเสริมการใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัลทั้งระบบภายในประเทศและระหว่างประเทศให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ (2) การส่งเสริมโอกาสการส่งออกของ SMEs โดยการพัฒนามาตรฐานสินค้าและบริการให้อยู่ในระดับสากล การสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนานวัตกรรมของสินค้าและบริการการผลักดันการขึ้นจำหน่ายสินค้าและบริการบนช่องทางออนไลน์ การส่งเสริมให้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ FTA การเชื่อมโยงข้อมูลหรือความรู้ที่สำคัญมารวมไว้ในที่เดียวให้เสมือนเป็นห้องสมุดด้านการส่งออกตลอดจนการพัฒนาบทบาทของหน่วยงานภาครัฐในส่วนภูมิภาคให้มีภารกิจด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น

(3) การพัฒนาและส่งเสริมทักษะของผู้ประกอบการ SMEs ครอบคลุมทั้งทักษะการดำเนินธุรกิจความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล การปรับตัวต่อสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะการปรับตัวต่อมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (4) การพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจการค้าของธุรกิจ SMEs โดยพัฒนาระบบงานบริการของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัลเชื่อมโยงกัน โดยมุ่งประโยชน์ไปยังการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ธุรกิจ SMEs

นายพูนพงษ์กล่าวขอบคุณผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญและมาร่วมให้ความคิดเห็นต่อแผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติทั้งนี้ ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจะนำไปพัฒนาและปรับปรุงแผนดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น หลังจากนี้ สนค.จะนำเสนอแผนปฏิบัติการต่อสาธารณชน หรือจัดงาน Public hearing ในช่วงกลางเดือนกันยายน และจะเสนอแผนดังกล่าวต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์เพื่อพิจารณากลั่นกรอง ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบและประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป

สำหรับการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อพลิกโฉมธุรกิจ SMEs ไทยให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในยุคการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน

#กระทรวงพาณิชย์ #ข่าววันนี้ #เอสเอ็มอี #เอฟทีเอ #ส่งออก