กรณีลูกชาย “ลุงประสิทธิ์” อดีตนายกสมาคมชาวนาไทยร้องสื่อ  ระบุพ่อป่วยติดเตียง ความจำเสื่อม ถูกเมียใหม่หลอกจนหมดตัว ก่อนจะช็อกทั้งครอบครัว หลังรู้ว่าเมียใหม่พาพ่อไปทิ้งที่บ้านพักคนชรา ติดเงินค่าดูแลเกือบแสน อีกทั้งบ้านยังถูกเอาไปจำนองขายฝาก มีคนมาติดประกาศขายบ้าน 25 ล้านบาท ตอนแรกลูกชายตามหาพ่อกับเมียใหม่ แต่โดนบ่ายเบี่ยงตลอด เชื่อเรื่องทุกอย่างเกิดจากเมียใหม่ของพ่อเป็นผู้กระทำ

รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 22 ส.ค. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ เจมส์ ณัฐพงษ์ ลูกชาย , กาญจนา น้องสาวลุงประสิทธิ์ , ต๊าฟ เพจกล้าที่จะก้าว มาช่วยดูแลเรื่องนี้ รวมทั้ง ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล

เจมส์ พ่อมีลูกกี่คน?

เจมส์ : 3 คนครับ ผมเป็นคนเล็ก คนโตเสียชีวิตแล้ว คนกลางเป็นดาวน์ซินโดรม

เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?

เจมส์ : ก่อนแม่จะเสีย แม่ป่วยติดเตียง พ่อก็มีแฟนใหม่แล้ว แต่วันที่ 17 มิ.ย. ตามเอกสารการขายฝารก ได้มีการทำการขายฝากบ้าน อีกเดือนนึง 30 ก.ค.65 แม่ผมเสียชีวิตที่รพ.ไทรน้อย

มาทวงสิทธิ์ ว่าแม่ใหม่เอาบ้านไปขายได้ไง คุณนับถือเป็นแม่มั้ย?

เจมส์ : ไม่ครับ ผมเรียกน้าเฉยๆ แม่ผมมีคนเดียว

รับมั้ย เขาเป็นเมียพี่ชาย?

กาญจนา : ไม่รับ เอาพี่ชายไปทิ้งทำไม

แล้วยังไงต่อ?

เจมส์ : หลังแม่เสีย พ่อก็ไปอยู่กับแฟนใหม่ที่สุพรรณฯ จากนั้นมีการติดประกาศขายบ้าน ผมก็งงว่าบ้านถูกประกาศขายได้ไง ผมก็โทรไปตามป้าย ว่าบ้านถูกขาย เกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าพ่อทำการขายฝากจำนวนเงิน 15 ล้าน 5 แสน

บ้านหลังนี้เป็นของใคร ติดชื่อใคร?

เจมส์ : เป็นชื่อพ่อกับแม่ครับ

จะขายบ้านต้องลงชื่อคู่กัน พ่อลงจริงๆ เขียนชื่อจริงๆ ในนี้ มีลายเซ็นพ่อ ตอนนั้นพ่อเซ็นขายในปี 65 บ้านหลังนี้ขายฝากต้องทำสัญญาสองคน คนนึงคือพ่อ คุณนึงคือแม่ของคุณ ลายนิ้วมือในเอกสารเป็นใคร?

เจมส์ : เป็นแม่ครับ ลายนิ้วมือเป็นของแม่

แม่คุณปั๊มลายนิ้วมือลงไป มันก็สมบูรณ์ เพราะถือเป็นสินสมรส ทำสัญญาขายฝาก 15 ล้านบาท ทำไมแม่ถึงพิมพ์?

เจมส์ : นี่แหละที่สงสัย ตอนนั้นแม่ป่วยติดเตียงอยู่ แม่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง นอนติดเตียงเลย

ตอนที่ขายพ่ออยู่มั้ย?

เจมส์ : พ่อยังอยู่ที่บ้านครับ

ตอนเอาไปขายฝาก มีคนอื่นรับรู้อีกมั้ย?

เจมส์ : ตรงนี้ผมไม่ทราบเลยครับ ตอนทำธุรกรรมกัน ผมไม่อยู่

บ้านหลังนี้ถูกขายฝาก 15 ล้าน มีระยะเวลา 1 ปีในการไถ่คืน เชื่อว่าบ้านหลังนี้เกินกำหนดไปแล้ว ไม่ได้ไถ่ถอนออกมา?

ทนายแก้ว : ก็ตกเป็นของผู้ซื้อฝากทันทีครับ

ปรากฏว่ามีป้ายมาติด ประกาศขาย 25 ล้าน คุณได้โทรไปสอบถามมั้ยว่าใครเอาป้ายมาติด?

เจมส์ : ตัวคนรับขายฝาก บอกว่าเขาเป็นคนเอาป้ายมาติด บ้านได้ตกเป็นของเขาแล้วครับ เขาเลยเอาป้ายมาติดประกาศขาย

คุณถามมั้ยว่าเป็นของเขาได้ไง?

เจมส์ : เขาบอกว่าพ่อได้ทำเรื่องขายฝากกับเขา ตอนนี้เกินระยะเวลาแล้ว บ้านถูกยึดเป็นของเขาแล้ว ผมก็ถามเขาว่ราถ้าผมต้องการบ้านคืน ต้องใช้เงินเท่าไหร่ เขาบอก 25 ล้าน

ทนายแก้ว : มีดอกก็แล้วแต่ผู้ซื้อฝากตั้งราคา

คุณทำไง?

เจมส์ : ผมนัดเจอเขาครับ ขอดูเอกสาร สัญญาขายฝาก พอเขามาถึง เขาไม่ได้มีฉบับนี้ให้ผมนะครับ เขาบอกถ้าอยากได้ต้องไปกรมที่ดิน ผมไปกรมที่ดินหนแรก กรมที่ดินไม่ให้ ไม่มีหมายศาล ผมต้องไปขอหมายศาลเพื่อเอาเอกสารตัวนี้มาดู หลังจากนั้นพ่อได้ไปอยู่กับแฟนใหม่ที่สุพรรณฯ ผมก็ตามหาพ่อจะถามเรื่องบ้าน ทีนี้โทรไปหาแฟนใหม่พ่อเขาก็บอกว่าวันนี้ไม่อยู่ พอผมจะไปไม่อยู่ ผมไม่เคยเจอพ่อเลยตั้งแต่พ่อออกจากบ้านไป ประมาณต้นปี 66 หลังแม่เสียได้ไม่นาน

ทำสัญญาฉบับนี้ แค่เดือนเดียวเองแม่ก็เสีย ตอนทำสัญญาแม่ป่วยติดเตียง ถือว่าเป็นผู้ไม่มีสติสัปชัญญะ?

ทนายแก้ว : ตั้งข้อสังเกตนิดนึง ว่าเป็นลายเซ็นแม่หรือเปล่า เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะตอบได้ เดิมเป็นการเขียน ปัจจุบันมาทำธุรกรรมเป็นการแปะโป้ง เจ้าหน้าที่ที่ดินต้องเขียนหมายเหตุลงไป

แม่เขียนหนังสือได้มั้ย?

เจมส์ : เขียนได้ครับ

ที่แม่ปั๊มลายนิ้วมือ จริงๆ ต้องไปเองมั้ย?

ทนายแก้ว : จริงๆ ต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินเท่านั้น

แสดงว่าอันนี้ถูกทำที่บ้าน?

ทนายแก้ว : เอาไปทำที่บ้านไม่ได้ครับ นี่เป็นข้อสังเกตที่ตั้งไว้ แม่จะไปในสภาพนอนวีลแชร์หรือนอนเปลไปหรือครับ เดิมแม่เขาใช้วิธีการเขียน ไม่ใช่วิธีแปะนิ้วโป้ง

ติดเตียงแม่เขาก็เขียนได้ ฉะนั้นอันนี้ก็ไม่รู้ของแม่จริงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ พอมีป้ายติดหน้าบ้าน เขาก็ไปตามหาพ่อ สุดท้ายเจอมั้ย?

เจมส์ : ไม่เจอครับ ไปตามกับแฟนใหม่เขาครับ

เขาคบหาพ่อคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?

เจมส์ : เขาเปิดตัวในงานศพแม่ น่าจะคบหากันมาก่อนครับ

แม่ใหม่ว่ายังไง?

เจมส์ : ผมโทรถามว่าพ่อเป็นยังไงบ้าง ล่าสุดเขาบอกว่าเอาพ่อไปกายภาพบำบัดที่สระบุรี อ.พระพุทธบาทเขาบอกว่าประมาณ 2 อาทิตย์จะพากลับมา ตอนแรกไม่ได้บอกว่าเอาไปที่สถานฟื้นฟู เขาบอกเอาไปกายภาพ เขาบอกแค่นี้

พ่อคือลุงประสิทธิ์ ตอนแรกมีตำแหน่งอะไร?

เจมส์ : นายกสมาคมชาวนาไทยครับ

เขาโด่งดังนะ เป็นคนที่พาชาวนาไปเรียกร้องความเป็นธรรม ลุงประสิทธิ์พาแม่ใหม่ไปเปิดตัวในงานศพแม่คุณเลยเหรอ?

เจมส์ : ครับ

จากนั้นแม่ใหม่คุณบอกยังไง?

เจมส์ : หลังจากสองอาทิตย์ ผมก็โทรถามว่าเอาพ่อกลับมาหรือยัง เขาบอกว่ายังไม่กลับมา จนผมไม่สบายใจ ก็เสิร์จรพ.พระพุทธบาท เขาบอกว่าพ่อเพิ่งมารักษาตัวเมื่อวาน ให้เบอร์คนที่ศูนย์ที่ดูแล พาพ่อไปรับยา ปรากฏว่าพ่ออยู่ที่ศูนย์จริงๆ

เมียใหม่พ่อ พาพ่อไปทิ้งไว้ที่นั่น?

เจมส์ : พาไปศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เอาไปทิ้งไว้ที่บ้านพักคนชรา ขนเสื้อผ้าพ่อผมไปไว้ด้วยครับ

เงิน 15 ล้าน 5 แสน อยู่ที่ไหน รู้มั้ย?

เจมส์ : ผมไม่รู้เลยครับ

เงิน 15 ล้าน 5 แสน ต้องแบ่งกันก่อนมั้ย?

ทนายแก้ว : เขาเรียกว่าเป็นเงินกรรมสิทธิ์รวมที่ฝ่ายชายฝ่ายหญิงต้องแบ่งกันคนละครึ่ง กรณีฝ่ายชายจะให้บุคคลภายนอก ต้องให้เฉพาะส่วนของตน เป็นการให้โดยเสน่หา แต่จะเอาส่วนแม่ไปให้คนอื่นไม่ได้ ทายาทสามารถติดตามส่วนของแม่ 7 ล้านเศษๆ คืนมาได้ครับ สรุปต้องแบ่งเงินเป็น 2 ก้อนครับ

เงิน 15 ล้าน 5 แสน ต้องหารสอง ก้อนนึงต้องให้แม่คุณเจมส์ พ่อแม่คุณมีการหย่ากันมั้ย?

เจมส์ : ไม่ครับ

คุณสงสัยลายนิ้วมือมาได้ยังไง ประเด็นต่อไป คุณไปตามหาพ่อ บ้านหลุดมีการประกาศขาย 25 ล้าน คุณไปถามจากเมียใหม่พ่อ ซึ่งน่าจะคบก่อนแม่เสีย คุณใช้คำว่าเปิดตัว?

เจมส์ : ก็เดินข้างกันเลย

กาญจนา :  ไปด้วยกัน ก็เป็นภรรยาเขานั่นแหละ เขาก็แนะนำคนข้างๆ ว่าเป็นแฟนใหม่เขาเอง เราได้ยิน เขาแนะนำให้ลูกพี่ลูกน้อง เราอยู่ด้วย

คุณไปตามหา ไปเจอพ่ออยู่บ้านพักคนชรา?

เจมส์ : ใช่ครับ หลังจากไม่เจอพ่อปีกว่า พ่อจำผมไม่ได้ครับ ผมถามว่าจำได้มั้ย แกก็มองหน้า จำพี่ชายไม่ได้ จำใครไม่ได้เลยครับ ตอนนี้พ่อ 76 แล้วครับ ปกติพ่อแข็งแรงมาก จู่ๆ หลังจากแม่เสีย พ่อทรุดลงเห็นๆ เลยครับ ไม่ทราบว่าทรุดจากอะไร แกมีโรคประจำตัวก็จริง แต่แกก็เป็นมานานแล้ว ไม่เคยทรุดแบบนี้

จำอะไรไม่ได้เลย?

ทนายแก้ว : หมอลงความเห็นว่าเป็นอะไร

เจมส์ : สมองเสื่อม เส้นเลือดสมองตีบ เลยทำให้สมองเสื่อม มีโรคความดัน เบาหวาน มีใบรับรองแพทย์

ได้ถามพ่อมั้ย พ่อเซ็นไว้มั้ย?

เจมส์ : พ่อจำอะไรไม่ได้เลยครับ ถามไปก็จำไม่ได้ แต่คนที่ศูนย์บอกว่าวันแรกที่เอาพ่อไป พ่อนอนติดเตียงไปเลย แล้วมีอาการหวาดกลัวผู้หญิง พยาบาลผู้หญิงเข้าไม่ได้เลย บอกมึงจะทำร้ายกู แต่พยาบาลผู้ชายเข้าไปจับตัว จับขา จับได้ แต่ผู้หญิงเข้าใกล้ไม่ได้เลย

เรื่องปืนคืออะไร?

เจมส์ : ตอนพ่อออกไปกับผู้หญิงคนนี้ พ่อได้นำปืนไปด้วย มีทะเบียนครับ ผมก็คุยกับผู้หญิงคนนี้ว่าขอปืนคืนได้มั้ย ในฐานะที่ผมเป็นลูก เขาก็ให้ถามพ่อเลย ทั้งที่ตอนนั้นพ่อป่วยแต่ไม่ได้หนักขนาดนี้ ผมเป็นลูก ถ้าไปอยู่ในมือคนอื่น ถ้าเขาเอาปืนไปทำอะไร พ่อผมจะซวย เขาก็ไม่เอามาให้ จนเขาเอาใบมอบอำนาจใบเปล่าไปให้พ่อผมปั๊มลายนิ้วมือที่ศูนย์ ทางศูนย์ได้บันทึกใบแจ้งความเอาไว้แล้ว เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการปั๊มลายนิ้วมือแบบนี้

“คุณพัช” เมียใหม่พ่อคุณเจมส์ มาพร้อม “ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์” ทนายแก้วกับทนายไพศาล ไม่เคยขึ้นว่าความด้วยกันมาก่อน?

ไพศาล : ทนายแก้วเป็นอาจารย์ผม

รู้จักคุณประสิทธิ์ได้ไง?

พัช : ทำงานเรื่องเกษตรอินทรีย์มาก่อน เลยมีโอกาสไปช่วยงานเรื่องเกษตรอินทรีย์ของสถาบันชาวนาข้าวไทย ก็รู้จักพี่ประสิทธิ์ในที่ประชุม พี่เป็นศิษย์ วันนั้นเขาไปออกพื้นที่จ.อยุธยา กับอ.ถวิล ม.เกษตร เขาเจออุบัติเหตุ รถคว่ำ

เมื่อไหร่?

พัช : จำไม่ได้แล้วค่ะ มันนานแล้ว แต่แรกเริ่มเลยที่เจอกัน ก่อน 65 นั่นแหละ แต่จำเดือนไม่ได้

คบหาเมื่อไหร่?

พัช : พี่ประสิทธิ์รถคว่ำ นายกสมาคมชาวนาอีสาน เลยบอกให้เราไปดูเขาว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ในเมื่อจะกลับสุพรรณฯ ก็เลยไปดู ทีนี้เจอเมียพี่ประสิทธิ์ พี่ลำจวน บอกว่ารถบี้เหมือนปลากระป๋อง แต่เขาไม่เป็นอะไร เขาโอเค พอรอแกสักพัก แกก็เดินกลับมาบ้าน บอกว่าถ้าประชุมเที่ยวต่อไป ไม่มีรถประชุมแล้ว ค่อยมารับแกด้วย

คบหากันได้ยังไง?

พัช : นายกฯ ประสิทธิ์เคยดูตลาดน้ำ เขาเคยมีคนในตลาดน้ำเป็นคู่ใจเขาอยู่ เคยโทรมาด่าไม่สุภาพ เลยเล่าให้เมียพี่ประสิทธิ์ฟัง บอกว่าใครไม่รู้โทรมาด่างี้ๆ เขาเลยบอกว่าเป็นแฟนพี่ประสิทธิ์เขา ไม่ต้องสนใจหรอก แกบอกว่าให้มารับพี่ประสิทธิ์ไป เมียพี่ประสิทธิ์ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต นั่งรถเข็น อาบน้ำเองได้ แต่บ้านเขาไม่ค่อยสะอาด พี่ประสิทธิ์บอกว่ามีคนงานมั้ย มาช่วยทำความสะอาดหน่อย ก็พาคนมาช่วยทำความสะอาดจากสุพรรณฯ เจมส์ก็ไปๆ มาๆ

เจมส์ : ช่วงนั้นผมยังทำงานที่บ้าน

พัช : แม่เขาเลอะเทอะทั้งหมดเลย ทั้งขี้ทั้งเยี่ยวเลอะเทอะหมดเลย พี่จวนเลยโทรหาพี่ บอกว่าให้มาช่วยอาบน้ำให้หน่อย ก็เลยมาจากสุพรรณฯ พี่เอาลูกน้องมาช่วยอาบน้ำ สระผม ก็ดูแลพี่จวนตลอด มาตกแต่งบ้านให้เขา ถางหญ้า จนพี่จวนป่วย จนพี่จวนแกตาย

ตอนนั้นคบกันหรือยังกับพี่ประสิทธิ์?

พัช : ยังค่ะ ยังไม่คบ คือสนิทกัน เป็นเลขาฯ กัน ฉันท์พี่น้อง แม่เขาตาย เขายังให้พี่เอาเสื้อผ้าไปจัดที่งานศพ ไม่มีอะไรในกอไผ่

งานศพแม่เขาไปมั้ย?

พัช : ไป พี่จัดงาน 3 วัน ไม่ได้เดินเกี่ยวก้อยกับพี่ประสิทธิ์

เขามีแนะนำ?

กาญจนา : เขาแนะนำว่าแฟนเขา

พัช : แต่พี่ไม่ได้ยินไง พี่ไม่รู้เรื่อง พี่ไปด้วยใจ

เป็นแฟนเขาหรือยัง?

พัช : ยังค่ะ จะได้กันได้ยังไง พี่ประสิทธิ์อายุปานนั้น

ลูกเขาถอนหายใจแล้วนะ เรื่องปืน อยู่ไหน?

พัช : อยู่ที่พี่ จำนำค่ะ

จำนำทำไม?

พัช : ไม่มีเงินไปใช้จ่าย

ทนายแก้ว : เงิน 15 ล้าน 5 แสนล่ะครับ

พัช : มันไม่ใช่ค่ะ

ตอนเขาแนะนำว่าเมีย คุณไม่ได้ยิน ไม่ได้แปลว่าไม่ได้เป็นเมีย เป็นเมียหรือยัง?

พัช : ยังค่ะ ไปในฐานะเลขาฯ ต้องดูแลเจ้านาย ช่วยทุกอย่าง ตั้งแต่เผา เคลียร์บัญชี ทุกสิ่งทุกอย่าง

ก่อนหน้านั้นช่วยงานเขามั้ย?

พัช : ช่วยดูแลบ้านค่ะ

เคยเห็นสัญญามั้ย?

พัช : พี่ชายของเจมส์ คนที่ตาย เขามองพี่ ให้มาดูที่ตู้ว่ามีอะไรมั้ย

ลูกพี่ชายเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ติดรูปอยู่บนกำแพง?

พัช : ใช่ มองว่าให้ดูว่าเอกสารเป็นยังไง

หมายถึงรูปมองมาที่พี่พัช แล้วทำไง?

พัช :   ให้ดูว่าในตู้เอกสารมีอะไรบ้าง

รูปมองที่พี่?

พัช : เตือนว่าในตู้พี่ประสิทธิ์ มีเอกสารอะไรบ้าง รูปส่อสายตามา พี่ถึงได้รู้ และคุยกับเจมส์มาตลอดว่าบ้านพ่อเขาขายฝาก

เคยเห็นสัญญาฉบับนี้มั้ย?

พัช : ไม่เคยเห็น แต่พี่ประสิทธิ์ให้พี่ไว้ ตั้งแต่พ่อไป

ทนายแก้ว : วันทำธุรกรรม 17 มิ.ย.65 พี่ไปด้วยมั้ย

พัช : ไม่ได้ไปค่ะ ที่ไหน มีหลายใบที่แกทำ

พี่ไปด้วยมั้ย?

พัช : ไปบ้างครั้งเดียว ที่พาพี่ประสิทธิ์ไปกับพี่ลำจวน ครั้งแรก ที่มีการขายฝาก เขาบอกให้พาไปส่งหน่อย

พี่ไม่เคยเห็น แต่เห็นอีกตัวนึง?

ทนายแก้ว : มันคนละวันกันครับ อันนี้ปี 64 เดือนสิงหาคม หัวเป็นอะไรครับ

หนังสือสัญญาจำนอง รวม 5 โฉนด?

ทนายแก้ว : คนรับจำนอง คนเดียวกันมั้ย

พัช : น่าจะคนเดียวกัน

ไพศาล : เป็นสัญญาขายฝาก วันที่ 26 ส.ค. 64 อยู่มั้ย

พัช : ไม่ค่ะ (ต่อมาบอกว่าอยู่)

ไพศาล : ขายฝาก มิ.ย. 65 อยู่มั้ย

พัช : ไม่ค่ะ

ไพศาล : ไปในฐานะอะไร

พัช : คนขับรถให้พี่ประสิทธิ์

ไพศาล : เขาเดินเหินปกติมั้ย

พัช : 64 ปกติ เขาเกิดอุบัติเหตุแล้ว แต่ยังเหมือนเดิม

ไพศาล : รู้เห็นการที่เขาจำนองโฉนด 5 ใบ ภรรยาเขาไปด้วยมั้ย

พัช : ไปค่ะ

ไพศาล : เป็นห่วงลายนิ้วมือมาก เพราะไม่เหมือนกันนะ แสดงว่าปี 64 ปั๊มจริง แต่ปี 65 มันไม่ตรงกันนะ ที่คุณพัชปั๊มก็ไม่ตรงเหมือนกัน แล้วลายนิ้วมือใคร

คำถามจากลูกชายเขา แม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง จะไปทำธุรกรรมที่กรมที่ดินได้อย่างไร จะไปพิมพ์ลายนิ้วมือได้อย่างไร ทั้งที่สามารถเซ็นลายเซ็นได้เหมือนกัน?

ทนายแก้ว : ปี 64 นอกจากปั๊มมีลายเขียนครับ แม่ยังเขียนได้

ถ้าหนังสือสัญญาที่ยึดที่ไปแล้ว  ถ้าไปพิสูจน์แล้วปลอม สัญญาฉบับนี้ถือว่าโมฆะมั้ย?

ไพศาล : โมฆะ บ้านก็จะกลับไปเป็นของเขาเลย ก่อนโมฆะมีคนติดคุกก่อน ปลอมเอกสารสิทธิ์ด้วย แล้วใช้ด้วย ยาวๆ ไป

คุณไปหรือเปล่า?

พัช : ไม่ได้ไปค่ะ มีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ

ภาพที่คุณพัชนั่งอยู่ขวามือ เมื่อไหร่?

พัช : ตอนพี่ประสิทธิ์ ให้มารู้ว่ายอดเท่าไหร่ สัญญานี้พอครบ 1 ปี พี่ประสิทธิ์ไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย

ทนายแก้ว : ภาพนี้เกิดก่อนขายฝากหรือหลังขายฝาก

พัช : หลังขายฝาก เป็นการเจรจาเรื่องชำระหนี้ ซึ่งมันเกินจะหลุดแล้ว ยอด 5 ล้านมีคนชื่อชาคริต เขาเคยมาหาพี่ประสิทธิ์ ชวนลงทุน ทำปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ขายพริกต่างๆ เขาอาจเอาไปเพิ่ม ก็ถามว่าทำไมยอดเท่านี้ๆ พี่ประสิทธิ์ก็บอกว่าเป็นนายชาคริตนี่แหละค่ะที่เป็นคนทำ พอมาครั้งหลังเลยเรียกเขาเจรจา ว่าเมื่อไหร่จะคืนเงินพี่ประสิทธิ์

เงิน 15 ล้านอยู่ไหน?

พัช : มันไม่ได้เป็นเงิน 15 ล้านนะคะ 5 ล้านพี่ประสิทธิ์ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย ก็กู้ใหม่ แล้วมาหัก แล้วก็เพิ่มขึ้นมา

ไม่เข้าใจ ในนั้นทำสัญญาไว้ 15 ล้าน พี่ช่วยเอาปากกาเขียนหน่อยว่ากรณิชา เอ๋ เทียบสิ?

ไพศาล : ไม่เหมือนแต่คล้าย เขาใช้เฉียงกับตรง แต่ลักษณะคล้ายกัน

คุณเขียนมั้ย?

พัช : ไม่ได้เขียน แต่ชาคริตเอาไปทำยอดเพิ่ม

คุณจะบอกว่าตัวลุงประสิทธิ์กู้แค่ 5 ล้าน แต่นายชาคริตไปทำสัญญาเพิ่มไปเรื่อยๆ จนถึง 15 ล้าน ซึ่งมันไม่ใช่ลายเซ็นและลายนิ้วมือคุณลำจวน?

ทนายแก้ว : ถ้าเปรียบเทียบแล้วไม่ใช่ลายนิ้วมือคุณแม่ มั่นใจว่าเขาไม่ได้ไปแน่ๆ ถ้าไปจะเป็นเลขทะเบียน โฉนดชุดเดียวกันครับ ปี 64 เกิดก่อน ดังนั้นยังไงเจ้าพนักงานต้องมีการให้เขียนชื่อกำกับนิ้วที่เซ็นเหมือนกัน ก็แปลกทำไมไม่มีการเขียนชื่อ แต่มีการเขียนชื่อว่ากรณิสา เสมือว่าเจ้าพนักงานอาจไม่ได้ดู อาจเข้าใจว่าเป็นการเขียนของผู้ประทับนิ้วก็ได้ครับ

ไพศาล : จริงๆ ขายฝากฉบับนี้ทำตั้งแต่ 2 มี.ค. 65 ที่ยอด 10 ล้าน ผู้ขายฝากกับผู้ซื้อฝากตรงกัน  ส.ค.จำนอง 5 โฉนดเป็นคนเดียวกับขายฝาก วันที่ 17 มี.ค. 65 ผู้ขายฝาก ซื้อฝากเป็นคนเดียวกัน เพิ่มมา 5 ล้าน 5 แสน ซึ่งฉบับหลังต้องพูดว่ามีความใกล้เคียงกัน

เอาลุงประสิทธิ์ไปทิ้งที่บ้านพักคนชราทำไม?

พัช : ไม่ได้ทิ้งที่บ้านพักคนชรา พี่ประสิทธิ์ไปอยู่อู่ทอง เข้ารพ.ครั้งที่หนึ่ง ไทรน้อย สองรพ.ที่นนท์ พระนั่งเกล้า ก็โทรบอกเจมส์ตลอด พอพ่อมาอยู่บ้าน ก็เหมือนเดิมแบบคนไร้สติ เฟซเทศบาลไทรน้อยลง ว่าพ่อเป็นคนไร้สติ จำอะไรไม่ได้ คุยกับเจมส์ตลอด

เจมส์ : ตอนนั้นพ่อไม่ได้ไปอยู่กับเขา พ่ออยู่ที่บ้าน

แล้วพ่อเขาไปอยู่กับพี่มั้ย?

พัช :   อยู่ค่ะ

แล้วไม่ใช่ผัวเมียได้ไง?

พัช : ก็เจมส์เขาก็มีงาน เขาปลูกผักบุ้ง ใครจะดูแลแก จะให้พี่ทิ้งเขาเหรอคะ

เจมส์ : น้าเข้ามาอยู่บ้านผมก่อนแม่ผมเสียแล้ว ผมไม่เอาเรื่องน้าก็ดีแล้ว ที่น้าขึ้นไปนอนกับพ่อผม แม่ผมนอนป่วยอยู่ข้างล่าง ผมอยู่ที่บ้านไม่ได้ย้ายไปอยู่ที่ไหนเลย น้าใช้รถคันเก่าสีฟ้า จอดอยู่หน้าบ้าน เช้ามาจอดอยู่ที่เดิม

แต่ป้าบอกว่ามีอะไรกันไม่ได้ พี่ประสิทธิ์หง่อมแล้ว ตกลงยังไง?

พัช : ก็ดูแลพี่ประสิทธิ์ ดูแลพี่จวน

ตกลงคบหากันมั้ย?

พัช : คบกัน ยังไม่มีอะไรกัน ประสิทธิ์จะมีอะไรได้

เจมส์ : ผมไม่รู้ครับ ตอนน้ามีอะไรกับพ่อผม ผมไม่ได้อยู่ด้วยครับ ตอนนั้นพ่อยังแข็งแรงครับ

พี่บอกไม่เคยได้กัน ไม่เคยคบหากัน ตกลงยังไง?

ทนายแก้ว : นอนกันเฉยๆ

พัช : ใช่ค่ะ

รักพี่ประสิทธิ์มั้ย?

พัช : สงสารมากกว่า สงสารที่เขาไม่มีใคร

พี่ประสิทธิ์ เอาเงินไปเท่าไหร่ จากการเอาบ้านไปจำนอง?

พัช : ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณชาคริตคนเดียวเอาไปทำเรื่องเพิ่ม

ได้เงินเท่าไหร่?

พัช : ไม่ทราบเหมือนกัน ช่วงนั้นไม่รู้อะไรเลย พี่ถึงตามหาชาคริต

เอาเบอร์มาหน่อย?

พัช :   เขาปิดเบอร์ไปแล้วค่ะ

เจมส์ : ปุกคือใคร

พัช : คนที่จะมาซื้อบ้านประสิทธิ์ครั้งแรก

เชื่อมั้ย?

เจมส์ : วันที่ข่าวเกิดแล้ว คนชื่อปุกเพิ่งโผล่โทรมาหาผม ถามว่าเอาเบอร์มาจากไหน ผมย้อนกลับไปโทรหาน้า ฟังคลิปเสียงมั้ย น้าบอกว่าให้เบอร์ผมกับคุณปุกไป แล้วน้ารู้จักคุณปุกได้ยังไง รู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมถามตลอดว่าน้ารู้มั้ยเรื่องบ้านพ่อ น้าบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย เจมส์อย่าถามเยอะ เดี๋ยวพ่อเครียด แล้วทำไมปกปิดผม ปกปิดทำไม ผมเป็นลูก แล้วน้าเอาพ่อผมไปทิ้งทำไม ทำไมไม่เอามาให้ผม ถ้าน้าจะไม่ดูแล

พัช : น้าไม่ได้เอาไปทิ้งนะ

เจมส์ : แต่ปกปิดผม ผมถามขอที่อยู่ ทำไมไม่ให้

พัช : น้าส่งรูปให้เจมส์ดูตลอด

เจมส์ : รูปเดียว น้าไปหาพ่อกี่หน ตั้งแต่พาพ่อไปทิ้ง

พัช : ไปหลายครั้งค่ะ

เจมส์ : ผอ.รอน้าอยู่นะ เขาไปสองหรือสามครั้งเองครับ ค่าใช้จ่ายตามที่เขาให้ข่าวว่าเขาให้ทุกเดือน ที่ศูนย์ไม่เคยได้รับเงินเลยตั้งแต่วันแรกที่เอาพ่อผมไป

พัช : ไม่เคยบอกนะว่าให้ทุกเดือน

เจมส์ : น้าไปดูข่าวนะ

ทนายแก้ว : ตอนนี้เป็นหนี้ศูนย์อยู่เท่าไหร่

พัช : 7.8 หมื่น

ทนายแก้ว : ทำไมไม่จ่าย

พัช : ยังไม่มี

เจมส์ : น้าเอาปืนไปจำนำ

พัช :   พ่อเขาเป็นหนี้เก่าอยู่แล้ว ของคุณที่บ้านที่อู่ทอง

เจมส์ : ลุงลัก ฟังเสียงมั้ย ลุงลักโทรมาเมื่อวาน บอกว่าน้าเป็นคนเอาปืนมาจำนำ บอกว่าจะเอาเงินไปรักษาตัวพ่อ เขาบอกว่าน้าแสบด้วย ฟังมั้ย

พัช : ไม่ฟังหรอก ไม่อยากฟัง

ทนายแก้ว : ค่าใช้จ่าย พี่บอกจ่ายเดือนละ 1.7 หมื่น

พัช : ใช่ค่ะ ยังไม่ได้จ่าย เพราะเป็นของเพื่อนกัน พี่ต้องจ่ายค่าศูนย์เดือนละ 1.7 หมื่น

ทนายแก้ว : ถ้าพี่ไม่ได้ทอดทิ้งเขา แล้วใครจะเป็นคนจ่าย

พัช : พี่ก็ต้องหาเงินจ่าย ต้องทำงาน

ทนายแก้ว : พี่ไม่คิดไปทยอยจ่ายเขาเหรอ

พัช : ก็ไม่ได้มีรายได้มากมาย ทำเรื่องเกษตร

เจมส์ : เสื้อผ้าพ่อก็เอาไปทิ้ง

พัช : เขาให้ใช้เสื้อผ้าของศูนย์

ไพศาล : เรื่องนี้ต้องมีคนติดคุก จากเอกสารสองฉบับ ลายเซ็น ลายพิมพ์ลายนิ้วมือ อัตลักษณ์ไม่ตรงกัน มีการปลอมแน่นอน ใช้เอกสารปลอม ต้องมีคนติดคุก เช็กเส้นเงินได้ จะมีคนโดนข้อหายักยอกทรัพย์อีก การที่มีการนั่งคุยกันตามภาพถ่าย ลักษณะขายฝากเขาให้ไม่เกินปี ถ้าจะต่อต้องไม่น้อยกว่า 3 เดือน ถ้าไม่ต่อก็เป็นอัตโนมัติ แต่นี่มีการนั่งคุยกัน ผู้รับซื้อฝากก็ไม่ได้ทำตามกฎหมาย ยิ่งปลอมก็ติดคุก โมฆะก่อน เงินถ้าไม่มีอยู่จริงก็โมฆะ เจมส์เป็นทายาท พี่พัชปฏิเสธตั้งแต่ต้นเราไม่มีหน้าที่แต่เราทำหน้าที่ ให้สัมภาษณ์ย้อนแย้งว่าจ่ายเท่านั้นเท่านี้ สิ่งที่เป็นพิรุธที่สุดเขามีลูก ทำไมไม่โทรบอกลูกเขา เราปกปิดไว้เพื่ออะไร

พัช : ไม่ได้ปกปิดนะคะ

ไพศาล : ภาษาวัยรุ่นคือคนเขามองออก ให้พูดความจริง มีคนโดนคดีอาญาแน่นอน ทั้งปลอม ทั้งยกยอก เอาไปกี่ครั้งเดี๋ยวเขาเช็กเส้นเงิน โอนไปไหน ใครมีส่วนได้ส่วนเสีย เละเทะ ติดคุกยาว เคลียร์ได้เคลียร์ สารภาพได้สารภาพ พูดความจริง

ทนายแก้ว : เงิน 10 กว่าล้าน เวลาจ่าย ต้องมีการสั่งจ่ายระบุชื่ออยู่แล้ว ต้องมีการเข้าเงินคุณประสิทธิ์ คุณประสิทธิ์ทรานเฟอร์ที่ใครมันจะชัด แต่ที่เชื่อมโยงเห็นได้ชัดคือดูทางกายภาพ การประทับตราของพี่ใกล้เคียงกับวันที่ 15 มิ.ยง มาก นี่ความคิดของผม

ไพศาล : สองตราประทับที่ทำจริง ไม่เหมือนเลย ไม่ใช่ของคุณแม่แน่นอน ก็ตรงกับพี่แก้วนั่นแหละ ผมบอกเลยว่ามีการปลอมแน่นอน

พัช : บอกได้เลยว่าไม่เคยนะ

ทนายแก้ว : เราไม่ใช่ศาล แต่เรามาคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน ถ้าไม่ใช่พี่ก็แล้วไป แต่ความใกล้ชิดกับพยานหลักฐาน พี่ใกล้ชิดที่สุด พี่บอกกับทุกท่านว่าพี่ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับครอบครัวนี้ ไม่มีเหตุผลต้องเอาเขาไปดูแลเลย เพราะเขามีลูก

พัช : แต่เจมส์ไม่บอกว่าจะเอาเขามาเลี้ยง

ทนายแก้ว : แต่พี่ก็ต้องกลับบ้านพี่ไป แต่นี่พี่เอาเขามาดูแล

พัช : แล้วจะให้พี่ทิ้งเขาเหรอ

ทนายแก้ว : มันไม่ใช่หน้าที่พี่ ถ้าพี่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเขา

พัช : พี่ผิดใช่มั้ย มนุษยธรรมอ่ะ พี่แจ้งลูกเขา บอกว่าอยู่รพ. พระนั่งเกล้านะ

เจมส์ : หมายถึงที่ศูนย์เนี่ย

พัช : บอกว่ามากายภาพบำบัดที๋ศูนย์นี่แหละ

เจมส์ : น้าไม่ว่างไปหาไม่เป็นไร ผมขอเบอร์ ทำไมน้าไม่ให้

พัช : เดี๋ยวน้าจะไปเอาพ่อกลับมา

ทนายแก้ว : เบอร์โทรก็ไม่ได้ซับซ้อนนี่

พัช : ไม่ได้ให้ ไม่มีเหตุผลอะไร มีคนไปเยี่ยมคือศูนย์อีซูซุ

เจมส์ : เพราะน้าไปเรี่ยไรเงินให้พ่อ แต่พี่ไก่ที่อยู่ที่อีซูซุ ไม่เชื่อน้า พี่ไก่มอบเงินให้พ่อผมจากมือเอง ถ้าให้เงินน้า ไม่ถึงพ่อผมแน่

เจมส์จะบอกว่าป้ามีการบอกคนโน้นคนนี้ว่าพ่อไม่สบาย แต่เอาเงินไปใช้ จริงมั้ย?

พัช : ไม่จริงเลย

เจมส์ : เบอร์โทรพ่อผมขอนานแล้ว น้าเคยให้มั้ย

พัช : ก็น้าเขาปิดเครื่องไปแล้ว

เจมส์ : ขอซิมครับ ทำไมน้าไม่เอามาให้ผม

กาญจนา : เขามีทั้งลูกมีทั้งพี่น้อง คุณไม่เป็นอะไรกับเขา เอาเขาไปทำไม

เจมส์ : น้าไปลงว่าเป็นแค่เพื่อน แค่คนรู้จัก ยังหาว่าพี่ชายผมที่เป็นดาวน์ซินโดรมบ้า นี่คือใบรับรองจากศูนย์ที่ไปให้การ บอกว่าผมไม่ได้ไปดูแลพ่อเลย

ทนายแก้ว : พี่พัชบอกศูนย์เอาไว้อย่างนี้

ไพศาล : สิ่งที่แก้มา ฟังไม่ขึ้นเลย ปิดบังข้อเท็จจริงเพื่ออะไร ผมเป็นกลาง ทำอะไรได้ก็รีบทำ ถ้าจะให้ทนายช่วย ช่วยให้สำนึก ทำให้ถูกต้อง

ป้าให้ปากคำไว้ ป้าบอกว่าป้าเป็นผู้นำฝาก แจ้งว่าเป็นเพื่อนประสิทธิ์ ดูแลมาตั้งแต่ดั้งเดิม ศูนย์ถามหาญาติ บอกว่าหายสาบสูญไปแล้ว ลูกเขาไม่เอา คนโตเสียชีวิต อีกคนเป็นบ้า ลูกคนที่สามหายสาบสูญติดต่อไม่ได้ เหตุผลที่นำมาฝาก ไม่มีเวลาดูประสิทธิ์ ต้องทำมาหากิน ศุนย์แจ้งค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ป้ารับทราบทุกอย่าง แต่ป้าแจ้งทางศูนย์ว่าไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ขอเวลา 1 อาทิตย์มาชำระให้ ทำไมแจ้งศูนย์อย่างนั้น?

พัช : มีหนังสือสัญญาที่พี่ดูแล

เจมส์ : เอามาเลย

ป้าต้องพูดข้อเท็จจริงนะ?

ทนายแก้ว : พี่หนุ่มถามว่าถ้อยคำที่ปรากฏ ป้าให้จริงใช่มั้ย  ทั้งที่ป้าก็รู้จักเจมส์

พัช : ไม่ได้บอกว่าหายสาบสูญ

เจมส์ : ผมไปขอให้ศูนย์ออกรับรองให้ผม

ไพศาล : เอกสารฉบับนี้เป็นการให้ถ้อยคำข้อความ และจะเป็นหลักฐานสำคัญ มีทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคล ซึ่งจะเรียกให้พี่ไปให้ปากคำในศาล คดียักยอกทรัพย์ พร้อมปลอมลายมือชื่อด้วย พูดความจริง เดี๋ยวจะยาว

ถ้าป้าบอกว่าดูแลไม่ไหว ไม่มีเงิน ไม่รู้จะชี้แจงกับเขายังไง ยอมปิดบังข้อเท็จจริง ยังเข้าใจนะ การที่ศูนย์จะเขียนได้ มาจากคำบอกเล่าคนพาคนแก่ไปฝากไว้ ไม่มีทางเขียนเอง?

ไพศาล : ถูก ปืนอยู่ที่พี่ใช่มั้ย ทำไมไม่คืนลูกเขา

พัช : ไม่มีเงินไปไถ่คืน

ไพศาล : ถ้าลุงไม่มีทรัพย์สินจะเอาเขาไปดูมั้ย ถ้าไม่มีทรัพย์สิน แล้วเอาไปดู มนุษยธรรมมาก ผมจะเข้าข้างพี่พัชว่าถ้าน้อง ลูก เขาไม่มี ไม่มีเงิน เราเอาเขาไปดูแล สังคมยกย่อง มีมนุษยธรรม แต่บังเอิญ ลูกมี น้องมี เงินก็มีด้วย แต่ป้าปิดบังเขา

ป้าบอกว่าชาคริตทำเรื่องนี้ ป้ามีเบอร์ชาคริตมั้ย เอาเบอร์มาหน่อย?

พัช : มี แต่เขาปิดไปแล้ว

เอาเบอร์ชาคริตมา ฝั่งลุงประสิทธิ์เอง ป้าบอกว่าเอาบ้านไปขายฝาก ตอนแรก 5 ล้าน ชาคริตไปทำเอง 10 ล้าน แล้วเงิน 5 ล้านก้อนแรก ป้าเห็นมั้ยว่าไปไหน?

พัช : พี่ประสิทธิ์ ที่บอกให้ฟัง เขาไปจ่ายคนชื่อบาง หลานเขา จ่าย 1 ล้านกว่า

มีมั้ย?

เจมส์ : ผมไม่เคยเห็น และไม่ทราบด้วย คนชื่อบาง ไม่รู้จัก

เป็นลูกพ่อมากี่ปี?

เจมส์ : เป็นตั้งแต่เกิดแล้วครับ

พัช : บางเป็นญาติ เป็นหลานลุงประสิทธิ์ ที่เขาไปไถ่โฉนดกันมา

ทนายแก้ว : ที่เหลือ 3 ล้านเศษเขาเอาไปไหน เอาไปใช้จ่ายกับพี่

พัช : ไม่ค่ะ

ทนายแก้ว :   พี่คบหากันแล้วนี่ครับ พี่ก็ใช้จ่ายกินอยู่กับลุงประสิทธิ์อยู่แล้ว ถูกมั้ย

พัช : ไม่ค่ะ ช่วงนั้นไม่ได้อะไรกับแก

ทนายแก้ว : พอ 5 ล้านหมด ลุงประสิทธิ์ประสงค์ขอเอาเงินเพิ่ม แล้วเอาเงินไปเหรอ

พัช : ใช่ค่ะ

ไพศาล : ตอนเอาลุงไปดูแล ไปอยู่กับเรา เอาเงินที่ไหนดูแลลุง

พัช : ทำงานที่บ้าน ขายดิน

ไพศาล : เขามีเงินมั้ย

พัช : มี เขาให้บัตรเอทีเอ็ม ให้บัตรถือไว้พร้อมรหัส มีเงินเป็นแสน

ไพศาล :   ที่ตู้มีกล้อง ยืนยันว่ามีเงินเป็นแสนนะ แล้ววันที่เอาลุงไปไว้ที่ศูนย์คนแก่ เงินในบัตรหมดหรือยัง

พัช : ไม่มีตั้งนานแล้วค่ะ

ทนายแก้ว : ผมได้ข้อเท็จจริงกับตร. ว่าบัตรนั้นอยู่กับพี่ตั้งแต่แรกๆ

พัช : ตั้งแต่พี่ประสิทธิ์ป่วยค่ะ

ทนายแก้ว : พี่เป็นคนกดบัตรเอทีเอ็มเขาตลอด ถูกมั้ย

พัช : ถูกค่ะ

ทนายแก้ว : แล้วทำไมพี่ไม่ยอมรับล่ะ พี่ใช้จ่ายร่วมกัน แต่พี่บอกว่าไม่ได้ใช้ พี่เอาเงินเขาไปกินใช้จ่ายไม่ใช่เหรอ

พัช : ก็ใช้จ่ายด้วยกัน ดูแล

ไพศาล : ฐานะอะไร ที่เอาบัตรเขาไปใช้

กาญจนา : ทำไมเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด ทั้งที่ลูกนั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าคุณบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน

พัช : ครั้งแรกไม่ได้มีอะไรกัน

มีครั้งไหน?

พัช : ครั้งถัดต่อมา ที่พี่ประสิทธิ์ไปอยู่กับเราแล้ว

เจมส์ : พ่อเคยยื่นเช็คให้น้าเอาไปเข้ามั้ย

พัช : ไม่เคย

ป้ามีโอกาสติดคุก ผมเป็นห่วง ทุกอย่างชี้ไปทางป้าหมดเลย ทนายสองคนยืนยันแล้วว่าเอกสารสัญญาเป็นโมฆะ เชื่อว่าทำปลอม ป้ารู้มั้ยว่าเขาทำ?

พัช : ยอดเพิ่มไม่รู้ค่ะ

เงิน 15 ล้านต้องจ่ายเขามั้ยคนที่ซื้อ?

ไพศาล : ไม่ต้องจ่าย ผู้ซื้อฝาก ผู้ขายฝาก ต้องแสดงตนต่อหน้าเจ้าพนักงาน ถ้าแม่อยู่รพ. ก็ไปไม่ได้แน่ แล้วซื้อกับใคร

คิดว่าน่าจะเป็นโมฆะ บ้านหลังนี้จะกลับคืนสู่ทายาท เงิน 15 ล้าน เผลอๆ คุณอาจโดนดำเนินคดีด้วย จบเลย ตัวป้าเองสุดท้ายก็ต้องพิสูจน์กัน ว่าป้ารู้เห็นกับสัญญามั้ย?

ทนายแก้ว : คุณเอาเงินไปกดจากเอทีเอ็ม เขากำลังไล่เช็กเงินอยู่ คุณมีการวางแผนร่วมกับคุณชาคริตกับคนอื่นหรือเปล่า ถ้ามีคุณโดนข้อหาฉ้อโก

พัช : พี่ไม่ได้ทำค่ะ

สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนจะเหมือนกันคือ ข้อเท็จจริงพูดกี่ทีก็เหมือนเดิม ป้าต้องระวังเรื่องนี้ เรื่องนี้ต๊าฟตามต่อ?

ต๊าฟ : ตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดครับ ถ้าคนซื้อมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด ทุกอย่างก็ต้องชัดเจน ลูกต้องมีสิทธิ์ได้รับสิ่งที่พ่อกับแม่เขาสร้างมา เขามาทวงความยุติธรรมของเขา

ถ้ายังรั้น เหตุบรรเทายังไม่มี เป็นห่วงนะ แล้วหลักฐานทั้งหมด ต้องให้ลูกเขาเก็บไว้นะ เพราะไม่เกี่ยวกับป้า?

พัช : ได้ค่ะ ของบริษัทชาคริตเอาไปเลย

ป้าพร้อมเป็นพยานนะ?

พัช : ได้ค่ะ

เจมส์ : เรื่องปุ๋ย พระพิรุณล่ะ

พัช : พระพิรุณนี่ของน้า น้าทำให้เขา

เจมส์ : น้าแน่ใจนะ น้าฟังคลิปเสียงมั้ย