ตลท.เดินหน้า 3 มาตรการใหม่คุมเข้มซื้อขายหุ้น-ดึงเชื่อมั่น มีผลบังคับใช้ 2 ก.ย.67
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้แจงการบังคับใช้ 3 มาตรการเพิ่มเติมในการดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ ประกอบไปด้วย 1.การกำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price band เป็นรายหลักทรัพย์ 2. การจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (Auction) และ 3. กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย ก่อนที่จะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งซื้อขาย (Minimum Resting Time) ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 2 ก.ย.นี้
*Dynamic Price band
ทั้งนี้ มาตรการ Dynamic Price band รายหลักทรัพย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความผันผวนของราคาซื้อขายหุ้นระหว่างวัน (กำหนดกรอบ DPB ไว้ที่ บวก-ลบ 10% จากราคาซื้อขายล่าสุด) กลไกการทำงาน คือ เมื่อมีคำสั่งซื้อหรือขายที่จะทำให้เกิดการจับคู่นอก DPB (Aggressive Order) ระบบซื้อขายจะหยุดจับคู่ และเข้าสู่ Pre-Open 2 นาที
"ลักษณะการทำงานของ DPB ระบบจะยกเลิก Aggressive Order เฉพาะในส่วนของคำสั่ง Trigger จากนั้นจะเข้าสู่ Pre-Open 2 นาที โดยผู้ลงทุนสามารถ ส่ง ,แก้ไข, ยกเลิก Order ได้ และหากเหลือเวลาไม่ถึง 2 นาทีจะเข้าสู่ Session ถัดไปทันทีโดยไม่มีการจับคู่ เช่น Trigger DPB @ 12.29 น. จะเข้าช่วง Intermission ตอน 12.30 น.โดยไม่มีการจับคู่ ซึ่งช่วงเวลาที่ใช้มาตรการจะใข้ทุกช่วงเวลาการซื้อขาย ยกเว้น Pre Open และ Pre Close"
โดยหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่จะใช้ DPB Phase 1 ได้แก่ หุ้นสามัญ, หน่วยทรัสต์ เช่น REIT, หน่วยลงทุนของกองทุนรวม เช่น Property Fund ที่มีราคามากกว่า หรือเท่ากับ 1 บาท ซึ่งจะไม่รวมหลักทรัพย์ ที่มีหลักทรัพย์ข้างต้นเป็น Underlying เช่น DW, หลักทรัพย์ที่ซื้อขายแบบหน่วยย่อย (Odd-lot) และหลักทรัพย์ (Foreign)
ส่วน Phase 2 (ยังไม่กำหนดวันบังคับใช้) ได้แก่ หลักทรัพย์ที่ใช้ DPB ใน Phase 1, หลักทรัพย์ที่มีหลักทรัพย์ข้างต้นเป็น Underlying เช่น DW, หลักทรัพย์ที่ซื้อขายแบบหน่วยย่อย (Odd-lot) และหลักทรัพย์ (Foreign)
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะยกเว้นไม่ใช้กับหลักทรัพย์ที่มีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของราคาได้มากกว่าปกติ เช่น หลักทรัพย์ Newly-listed (IPO) หรือหลักทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์มีการขยาย Ceiling&Floor ประจำวัน เช่น หุ้นที่มีข่าว Tender Offer เป็นต้น
สำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ซื้อขายในตลาด TFEX Phase 1 Single stock Futures (SSF) (ที่มีหุ้นที่หยุดการซื้อขายชั่วคราวตามมาตรการ DPB เป็น Underlying) สามารถซื้อขายได้ใน TFEX ได้ตามปกติ ขณะที่ Phase 2 SSF (ที่มีหุ้นที่หยุดการซื้อขายชั่วคราวตามมาตรการ DPB เป็น Underlying) จะเข้าสู่มาตรการ DPB เช่นเดียวกับหุ้นอ้างอิง คาดว่าจะเริ่มใช้ประมาณต้นปี 68
*Auction
การซื้อขายด้วยวิธี Auction กำหนดใช้กับหลักทรัพย์ที่มีอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายตั้งแต่ Level 2 คือ ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance + ห้าม Net settlement + ซื้อขายด้วย Auction และ Level 3 : Pause (P) 1 วัน + Level 2
กลไกการทำงาน จะเปิดให้จับคู่การซื้อขายวันละ 3 รอบ ได้แก่ Pre-Open 1, Pre-Oper 2 และ Pre-Close โดยสุ่มจับคู่เหมือนหุ้นปกติ, ช่วง No-Matching 1 และ No Matching 2 ไม่เปิดให้ส่ง Order แต่สามารถเปลี่ยนแปลง Volume และ Cancel Order ได้
ในกรณีที่หุ้น Underlying ของ SSF ที่ซื้อขายใน TFEX เข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขายและต้องซื้อขายด้วยวิธี Auction ผู้ลงทุนจะยังสามารถซื้อขาย SSF ดังกล่าวใน TFEX ตามปกติ, หากเป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายของ SSF ดังกล่าว TFEX จะคำนวณราคาสำหรับการส่งมอบและใช้อ้างอิงเพื่อคำนวณส่วนต่างของราคาเพื่อใช้ชำระในวันซื้อขายวันสุดท้าย โดยใช้ราคา Auction ครั้งสุดท้ายของหุ้นที่เป็น Underlying, TFEX อาจปรับลด Position limit ของ SSF ดังกล่าว (ผู้ลงทุนสามารถถือ SSF เดิมต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถเพิ่มฐานะ (Position) ให้เกินกว่าที่ TFEX กำหนดได้
*Minimum Resting Time
กลไลการทำงานของ Minimum Resting Time ผู้ลงทุนจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิก การเสนอซื้อขายของตนได้ภายหลังจากที่ได้มีการส่งหรือแก้ไขการเสนอซื้อขายแล้ว เป็นระยะเวลาขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 250 มิลลิวินาที โดยจะไม่ใช้กับ Market Maker ที่ขึ้นทะเบียนกับ SET / TFEX และปฏิบัติหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง
นายรองรักษ์ กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดหวังมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะมาตรการ DPB เชื่อว่าจะทำให้หุ้น Ceiling&Floor ภายใน 5 นาทีเป็นไปได้ยากขึ้น และช่วยให้นักลงทุนมีสติก่อนลงทุน ขณะที่มาตรการ 2 และ 3 จะช่วยลดความร้อนแรงของการร้อนแรงลงได้ หรือช่วยคุมประพฤติการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม