“กรมควบคุมโรค” ยัน “ปลูกฝี” แล้ว ป้องกันฝีดาษลิงได้ ชี้ เคลด 1 บี อัตราเสียชีวิต 3-5% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง-ภูมิต่ำ

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้วัคซีนฝีดาษลิง หรือเอ็มพอกซ์ (Mpox) เป็นวัคซีนไข้ฝีดาษ Small pox แต่เป็นตระกูลเดียวกันกับ Monkey pox ซึ่งคนไทยที่เกิดก่อนปี 2523 จะได้รับวัคซีนไข้ฝีดาษ หรือการปลูกฝีแล้ว จะสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันวัคซีนไม่ได้มีการจำหน่ายในประเทศไทย เพราะต้องขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตในหลายประเทศ เช่น สวีเดน ญี่ปุ่น นอร์เวย์ แต่ยังไม่มีการมาขออนุญาตนำเข้าในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องใช้และเกิดการระบาดขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถสั่งซื้อได้เลย เพื่อใช้ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งการจะแพร่เชื้อได้ต้องมีอาการ มีไข้ เริ่มมีต่อมน้ำเหลืองโต เริ่มมีแผล จะเป็นช่วงแพร่เชื้อ แต่ถ้ายังไม่มีอาการอะไร แม้ว่าจะมีเชื้ออยู่ในตัว ไม่สามารถระบาดได้ โดยเชื้อจะมีระยะฟักตัว 5- 21 วัน

“จากรายงานในต่างประเทศ อัตราเสียชีวิตของผู้ป่วยป่วยฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง เคลด 1 บี อยู่ที่ 3-5 เปอร์เซ็นต์ โดยพบในกลุ่มเด็กจำนวนมาก จึงมีความเป็นไปตามที่เชื้อตัวนี้จะทำให้เกิดความรุนแรงในกลุ่มเปราะบางที่มีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งเมื่อเกิดการระบาดของสายพันธุ์นี้จำนวนมากในประเทศแถบแอฟริกา องค์การอนามัยโลกจึงประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ”

ด้าน นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คำแนะนำในการรับวัคซีนฝีดาษลิง ณ ขณะนี้ กรมแนะนำให้ฉีดอยู่ 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม HealthCare Worker เช่น พยาบาลที่ต้องทำงานในพื้นที่ระบาด และ 2.กลุ่มที่มีการสัมผัสเชื้อแล้ว เช่น คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วพบว่ามีเม็ดขึ้น ซึ่งยังสามารถรับวัคซีนได้ทันภายใน 4 วัน ภูมิคุ้มกันขึ้นจะป้องกันการติดเชื้อได้ อาจจะไม่ถึง 100% แต่ถ้ารับภายในวันที่ 5-14 จะป้องกันความรุนแรงได้ โดยจะต้องรับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน

#ข่าววันนี้ #ปลูกฝี #ฝีดาษลิง #กรมควบคุมโรค #กลุ่มเปราะบาง