หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 21 ส.ค. 2567 เคารพกติการัฐธรรมนูญ ...*...
ก้าวขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ มีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ของ “อิ๊งค์” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สอง ด้วยวัยเพียง 37 ปี 352 วัน โดย จะมีอายุเต็ม 38 ปี ในวันนี้ ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ก้าวย่างขึ้นมาอย่างถูกต้อง ตามกติกาประชาธิปไตย ที่ ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญทุกประการ บรรทัดนี้ บารอน เรียกร้องให้ทุกคนทุกฝ่าย เคารพในกติการัฐธรรมนูญ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ขอแสดงความยินดี และ แฮปปี้เบิรธ์เดย์ครับ ...*...
สเต็ปต่อไป การตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ใครว่าง่าย บารอน ว่า ยากยิ่งกว่าตั้งนายกรัฐมนตรี เพราะ เก้าอี้มีน้อยคนอยากเป็นมีมาก ยิ่งกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องสิ้นสภาพ ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะ ตั้งรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติ ทำให้ ต้องตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีทุกคนอย่างรอบคอบ และ ละเอียดยิบในข้อกฎหมาย ไม่ให้ตายน้ำตื้น เป็นตัวอย่างให้เห็นแหมบๆ ...*...
แล้วขบวนการทำลายล้างทางการเมือง ก็เริ่มทำงาน เอาเรื่องเอนทรานซ์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในอดีตของ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร มาปัดฝุ่นใหม่ “บารอน” ย้อนเวลาหาข้อมูล ข้อสอบเอนทรานซ์รั่วเกิดขึ้นจริง เมื่อ มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พบว่า เป็นความผิดของอาจารย์ และ มีการลงโทษอาจารย์ผู้ทำข้อสอบรั่ว แต่ ไม่มีการเอาข้อสอบมาให้ “อิ๊งค์” ...*...
ยิ่งเรื่อง สนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เอาไปเป็นประเด็น เปรียบเทียบกับถือครองที่ดิน สปก. ของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ทำให้ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ประสา บารอน ตรวจสอบจากกูรูกฎหมาย ระดับเนติบัณฑิต ความผิด ของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อยู่ที่ว่า เป็นที่ดินมรดก อยู่ในฐานะ ผู้รับมรดก จึง ต้องรับทั้งสิทธิและหน้าที่ ต่อเนื่องจาก ผู้ให้มรดก ยกตัวอย่างให้เห็น ผู้ให้มรดกมีภาระจำยอมไว้ก่อนให้ ผู้รับมรดกก็ต้องยอมรับภาระจำยอมนั้นๆ ...*...
ส่วน สนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการซื้อขายกันอย่างถูกต้อง ก่อนที่จะเป็นคดีความ เป็นการซื้อต่อมาโดยสุจริต แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ภาระจำยอม หากมีการตกลงกันไว้ก่อนซื้อขาย ก็ต้องมีการเจราจากันใหม่ ไม่มีอะไรผิดดอกครับ เพียงแต่ ท่านนายกฯแพทองธาร ชินวัตร อย่าลืมชี้แจงบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้องครบถ้วนเท่านั้น ...*...
เรื่องที่ แชร์กันว่อน ในโลกโซเชียลว่า ศาลรัฐธรรมนูญตั้งโดยไม่มีกฎหมายจัดตั้งรองรับ เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ “บารอน” ไม่รู้ผู้ทำยูทูปมีเจตนาอะไร ที่รู้แน่ๆ คือ ไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญเลยครับ เพราะ ศาลรัฐธรรมนูญจัดตั้งตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญยังอยู่ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังอยู่ครับ จึงไม่ต้องมี พ.ร.บ.จัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนศาลอื่นๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจวินิจฉัยคดีความทั่วไป มีหน้าที่วินิจฉัยเกี่ยวกับความขัดแย้งรัฐธรรมนูญเท่านั้น ต้องการไม่ให้มีศาลรัฐธรรมนูญ ก็ ต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ระบุว่าไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ ...*...
ไม่รู้ใครยืมมือใคร เรื่อง ไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีในคณะนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ที่เกิดจากภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โทรยืนยันร่วมรัฐบาลกับ นายทักษิณ ชินวัตร งานนี้เล่นเอา ผู้กองธรรมนัส ถึงกับควันออกหู ประกาศอิสรภาพ หยุดรับใช้ลุงป้อม อย่าหลงอำนาจจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้จักความชั่วดี ...*...
พูดถึง คุณสมบัติ ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ เคยรับโทษทัณฑ์ ในต่างแดน ประเทศออสเตรเลีย ว่าไปทำไมมี เคลียร์จบไปแล้วครับ เป็นการรับโทษนอกราชอาณาจักร จึงไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้อีก แต่ที่ พรรคเพื่อไทย กังวลหนัก จะกระทบถึงมาตรฐานจริยธรรม ที่ ไปแต่งตั้งคนเคยต้องโทษจำขังเป็นรัฐมนตรี เหมือนกรณี เศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทำให้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ...*...
เรื่อง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โอกาส ที่จะเกิดขึ้นจริง ในยุค รัฐบาลอิ๊งค์ ที่นี่ บารอน ฟันธงได้เลยว่า ไม่เกิดขึ้นจริงแล้วครับ เพราะ กว่าจะฟอร์มรัฐบาล จนกระทั่ง ไปถึงวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คงกินเวลาเป็นเดือน อย่างเร็วก็ปลายเดือนหน้า หรือ อย่างช้าก็ต้นเดือนตุลาคม ปีงบประมาณใหม่ เงินเพิ่มเติมงบกลาง 122,000 ล้านบาท ของ ปีงบประมาณ 2567 ที่ 30 กันยายนนี้ ก็ เป็นวันสิ้นปีงบประมาณ แน่นอนว่า รัฐบาลใช้ไม่ทันแน่นอน ทำให้ กลายเป็น “งบตก” ไม่สามารถใช้งบข้ามปีได้ เพราะไม่ได้เป็นงบผูกพัน ...*...
เสียงยืนยันจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นโยบายแจกเงินหมื่นยังจะดำเนินต่อไป โดย ไม่ผิดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา บรรทัดนี้ บารอน เห็นด้วยครับ ไม่ให้ผิด พ.ร.บ.เงินตรา ทำได้ง่ายๆ แจกเป็นเงินสดคนละหนึ่งหมื่นบาท ให้กับ ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ที่ มีประมาณ 15 ล้านคน ทำให้ ใช้เงินเพียง 150,000 ล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากโดยตรง เกิดพายุเศรษฐกิจหมุนแน่นอน ...*...