วันที่ 22 ส.ค.67 ตามนโยบายของ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สํานักงานตํารวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามา แฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทําความผิด
ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก. สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. ร่วมแถลง ข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1.รวบสองหนุ่มไต้หวันลักลอบส่งออกกัญชาข้ามชาติ และจาหน่ายกัญชาผ่านแพลตฟอร์ม ออนไลน์ในไทย
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติไต้หวัน จํานวน 2 ราย ดังนี้
1. MR.LIN (นามสมมติ) อายุ 30 ปี โดยกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภทที่ 5 (เห็ดขี้ควาย) โดยไม่ได้รับอนุญาต นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ที่ลานจอดรถคอนโด มิเนียมย่าน ถ.สี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ
2. MR.CHANG (นามสมมติ) อายุ 29 ปี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาต สิ้นสุด นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ลานจอดรถ ของคอนโดมิเนียมภายในซอยอินทามระ 45 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ
พฤติการณ์การจับกุม กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มคนไต้หวันจะทําการลักลอบนําเอา กัญชาส่งออกไปยังไต้หวันเพื่อนําไปจําหน่าย โดยการส่งออกไปนั้นไม่ได้มีการขออนุญาตที่ถูกต้องและผิดกฎหมาย จึงได้ ทําการสืบสวนทราบว่าขบวนการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับร้านจําหน่ายกัญชาแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันได้ปิดไปแล้ว) ซึ่งได้ ขายกัญชาส่วนช่อดอกผ่านทางช่องทางออนไลน์และจะมีการส่งให้กับลูกค้า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แก่ MR.CHANG และ กลุ่มเพื่อน โดย MR.CHANG พักอาศัยอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง จึงได้ไปตรวจสอบจนกระทั่งพบ MR.CHANG และได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง MR.CHANG แจ้งว่าหนังสือเดินทางของตนอยู่ที่ห้องพักของเพื่อน ที่ย่านดินแดง เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงได้ให้ MR.CHANG พาไปเพื่อนําหนังสือเดินทางมาแสดง โดยระหว่างที่ เจ้าหน้าที่ตํารวจกําลังจะเข้าไปที่ห้องพักได้มี MR.LIN สัญชาติไต้หวัน อายุ 30 ปี ได้วิ่งออกมาจากห้องพักดังกล่าวและ พยายามวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงเข้าควบคุมตัว จากการตรวจค้นตัว MR.LIN พบเห็ดขี้ควายบรรจุในซอง
สุญญากาศ น้ำหนักประมาณ 42 กรัม และพบหนังสือเดินทางของ MR.CHANG และของชาวไต้หวันคนอื่นอีก 2 เล่ม ซึ่ง MR.LIN ยอมรับว่าบุคคลตามหนังสือเดินทางได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงให้ MR.LIN นําเข้าไปตรวจสอบในห้องพักที่ MR.LIN และ MR.CHANG พักอยู่เป็นประจํา ผลการตรวจสอบพบกัญชาที่เป็น ส่วนของช่อดอก เครื่องชั่งน้ำหนัก ถุงสําหรับแบ่งขายและเครื่องซีนถุง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการจึงได้ ทําการตรวจยึดไว้ และจากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า MR.CHANG การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด ลงแล้ว (OVERSTAY ) ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุม MR.LIN และ MR.CHANG ดําเนินคดีในข้อหาดังกล่าว และจากการประสานตรวจสอบกับสํานักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจําประเทศไทย รับแจ้งว่า MR.CHANG เป็นบุคคลที่มีประวัติทางคดีอาญาในข้อหานําเข้าและจําหน่ายกัญชาในไต้หวัน โดยมีพฤติการณ์ คือ MR.CHANG กับผู้ร่วมขบวนการอีกกว่าสิบคน ได้ทําการตั้งกลุ่มลับผ่านแอพพลิเคชั่น เช่น Wechat, Line, Whatsapp, Telegram และนํากัญชาเข้าไปในไต้หวัน เพื่อจําหน่ายกัญชาให้กับคนในไต้หวันผ่านแอพพลิเคชั่นดังกล่าว
2. รวบ 3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติวานูอาตูหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทาระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท
กก.4 บก.สส.สตม. ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ ตม.จว.ชลบุรี จับกุมคนต่างด้าว จํานวน 3 คน ได้แก่ นายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน/วานูอาทูน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 407/2567 ลงวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) (ออกหมายจับผู้ร้าย ข้ามแดน) นําตัวส่งพนักงานอัยการ สํานักงานต่างประเทศ สํานักงานอัยการสูงสุด ดําเนินการตามกฎหมาย และจับกุม
นางจาง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน/วานูอาทูน และนายซู เจียง (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน/วานูอาทูน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี
สืบเนื่องจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจําประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวง การต่างประเทศ นําส่งคําร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน เป็นผู้ร้าย ข้ามแดน เพื่อไปดําเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) ต่อมาพนักงานอัยการ สํานักงานต่างประเทศ สํานักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคําร้องต่อศาลอาญาขอออก หมายจับชั่วคราวนายซู และได้ส่งหมายจับมายังสํานักงานตํารวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม
จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พบข้อมูลว่านายซูได้ใช้หนังสือเดินทาง ประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแทนการใช้หนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังพบว่า นางจาง และนายซู เจียง ซึ่ง เป็นเครือญาติของนายซูได้ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วย จึงได้ประสานสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจําประเทศไทย เพื่อตรวจสอบ ประวัติของนางจาง และนายซู เจียง รับแจ้งว่า บุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจาง มีประวัติกระทําผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) ส่วนนายซู เจียง มีประวัติกระทําผิด ในข้อหา เปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าทั้ง 3 คน มักจะมีพฤติการณ์ในการย้ายที่อยู่ เพื่อให้ยากต่อการจับกุมตัว และหลังสุดได้ย้ายหลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันนําหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าทําการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบคนต่างด้าว ทั้ง 3 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหลายรายการ และเอกสารต่าง ๆ
1.นายแจซุก (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 2.นายวูจิน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี 3.นายซางกี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 4.นายฮุนจิน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 5 นายจุนฮี (นามสมมติ) อายุ 31 ปี 6.นายเจ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี 7.นายซังฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 8.นายจุงฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี
ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของบุคคลทั้งสามและบุตร ซึ่งจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตาม หมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง และจากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทาง ประเทศวานูอาตู โดยนางจาง และนายซู เจียง การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้จับกุมทั้ง 3 คน ดังกล่าว
สําหรับพฤติการณ์กระทําความผิดของนายซู และนางจาง ได้ร่วมกันกับพวกจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัด ให้มีการเล่นคาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีบุคคลจํานวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท โดยนายซู เป็นหัวหน้าแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทําการจัดตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
3.สืบตม.บกุทลายคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้เช่าอาคารหรูตั้งฐานกลางกรุง กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้ จํานวน 8 คน ดังนี้
พฤติการณ์จับกุม กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามชาวเกาหลีใต้ได้มาเช่าห้องภายในอาคารหรู ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนัน ออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้มาตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออก ประจํา อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคาร ดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคําว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI” จึงได้แสดงตัว เป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าทําการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ห้อง โดยห้องแรกเป็นห้องเล็ก มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จํานวน 8 ชุด ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 12 ชุด แต่ละชุด มีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน กําลังนั่งทํางานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในลักษณะพูดคุย ชักชวนเพื่อให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Invesment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงแต่เมื่อเข้าไป ดําเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ จํานวน 17 เครื่อง ไอแพด จํานวน 4 เครื่อง จากการสอบถามทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่ามีการจ้างให้มาทํางานในประเทศไทยโดยการทํางานในลักษณะการ พูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อชักชวนลักษณะการเป็นตัวแทนเพื่อหาลูกค้าให้เข้ามาร่วมลงทุนผ่าน ทางเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการหาลูกค้าเข้ามาลงทุน โดยเบื้องต้น กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้จับกุมทั้ง 8 คน ดําเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทํางานโดยไม่มีใบอนุญาตทํางาน นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม อาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดจอคอมพิวเตอร์ 40 จอ ซีพียู 20 เครื่อง โทรศัพท์มือจํานวน 17 เครื่อง และไอแพด จํานวน 4 เครื่อง ไว้เพื่อตรวจสอบและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตํารวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวน ขยายผลการจับกุมต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง