"เลขาฯ นายก" เผย "พรรคร่วมรัฐบาล-พปชร." ส่งรายชื่อรมต.ครบแล้ว พร้อมตรวจสอบประวัติเข้ม ด้านก๊วน”ธรรมนัส" ชิงปิดเกมรุกชงชื่อ"รมต."แข่ง”ลุงป้อม” โยน "นายกฯ'"ชี้ขาด  แย้มมี 3 เก้าอี้  ขณะที่ “ปชป.”สยบข่าวลือร่วมวงรัฐบาล รอเทียบเชิญก่อนมอบอำนาจ “หัวหน้า-เลขาฯ” ตัดสินใจ ส่วน”พปชร.”แถลงการณ์ยื่น 4 รายชื่อรมต.เดิม
 
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรม Thailand e-Commerce Expo 2024 ที่ ทรูไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ถึงความคืบหน้าการส่งรายชื่อรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)  พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะรับโผของกลุ่มใด โดย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ได้รายชื่อมาเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงของพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่ชัดเจน  ส่วนจะยึดโผของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือของ ร.อ.ธรรม พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นั้น ขอให้ไปคุยกันเอง ให้ได้ข้อสรุป ถ้าเขาสรุปก่อนจะได้จบ แต่ถ้าไม่มีข้อสรุปก็ต้องมาดูว่าเป็นอย่างไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามกฎหมายพรรคการเมืองสามารถทำได้หรือไม่ เพราะมีกฎหมายกำหนดไว้การดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ต้องเป็นมติของกรรมการบริหารพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขายังเป็นพรรคร่วมกันอยู่หรือไม่ ถ้าเขายังเป็นพรรคเราก็ต้อง ยึดตามมติพรรค แต่ถ้าเขาแตกขึ้นมาก็ต้องกลายเป็นกลุ่มการเมืองและพรรคการเมือง 

เมื่อถามต่อว่า ร.อ.ธรรมนัส ระบุถ้าพรรคพลังประชารัฐไม่ขับออกก็จะอยู่กันไปแบบนี้ สามารถเข้าร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ ตามกฎหมายพรรคการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ตามก็ต้องรีบ เท่าที่ได้ฟังวันนี้จะรีบจัดการให้ชัดเจน  ขอความชัดเจน  พร้อมกันนี้ได้เปิดเผยด้วยว่ามีคนกลางจากพรรคพลังประชารัฐโทรศัพท์มาคุย ซึ่งตนก็บอกว่าให้ไปจัดการให้ชัดเจน เอาแบบไหนให้สังคมรับรู้ อย่าต่างคนต่างให้ข่าว ว่าฝั่งนี้เรียบร้อย ฝั่งนั้นเรียบร้อย เพราะเราไม่เข้าไปแทรกแซง อยู่ที่ว่าจัดการอย่างไร ก็มาดูว่าจะร่วมกันอย่างไรเพื่อจัดตั้งรัฐบาล 

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่โทรมาคุย มาจากฝั่งไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นคนอยู่ตรงกลาง ที่อยู่ในพรรค พร้อมหัวเราะก่อนพูดย้ำว่า "คนกลางๆที่อยู่ในพรรค"  เมื่อถามต่อว่า คนกลางที่โทรมาประสานให้ทั้ง 2 ฝั่ง หรือเลือกข้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาน่าจะไม่ได้เลือกข้าง แต่เขาอยากเห็นความชัดเจนก็ให้ไปจัดการแล้วกัน ทางเราไม่มีปัญหาอะไร ทางเราต้องการความชัดเจน คิดว่าคนที่จะร่วมมือกันทำงานได้จริงๆ ระหว่างที่ทำงานร่วมกันไม่มาแทงกันข้างหลัง หรือมามีปัญหา เอาเท่านั้นแหละ เพื่อให้รัฐบาลรีบเดินหน้าทำงานได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า  ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น  ยังอยู่ที่ตรงนี้ ทั้งหมดที่จับมือร่วมกันยังจับมือกันอยู่เปล่า เหลือพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่ชัดชัดเจน ขณะนี้ต้องเอาให้ชัดเจนว่าจะยังเป็นพรรคเดียวกันหรือไม่ และเราพอใจกับเงื่อนไขที่ยื่นมาหรือไม่ เราก็จะเสนอให้ชัดเจน  เมื่อถามย้ำว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐไม่ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์ก็เสียบได้ทันทีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากไม่ชัดเจนอาจไม่ได้ทั้งสองชุด หรืออาจจะได้ชุดใดชุดหนึ่งต้องไปว่ากัน 

ส่วนต้องมีการกำหนดเส้นตายหรือไม่นั้น  นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ต้องเร่ง แต่จะไม่กำหนดว่าต้อง 4 โมงเย็นหรือ 5 โมงเย็น ส่วนจะต้องจบวันนี้หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมย้ำว่าต้องเร็วที่สุด  เมื่อถามว่า จะยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่เอาพรรคพลังประชารัฐที่แบ่งเป็นสองก๊กเข้าร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนั้นเราอาจจะต้องไปอีกมิติหนึ่ง ที่ต้องไปเลือก  เมื่อถามว่า จะเลือกกลุ่มที่มีจำนวน ส.ส.เยอะกว่าหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอไปดูรายละเอียดอีกที 
นายภูมิธรรม ยังกล่าวยอมรับว่า ได้พูดคุยกับร.อ.ธรรมนัสถึงปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ  ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยของพรรคเพื่อไทยก็จะเรียบร้อย  เมื่อถามว่า นายภูมิธรรมเองจะได้อยู่กระทรวงเดิมหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม หัวเราะก่อนระบุว่า “ ผมไม่ใช่คนตัดสินว่าจะได้อยู่ตรงไหน จะได้เป็น หรือไม่ ยังไม่รู้เลย“ เมื่อถามต่อว่า ชอบกระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงพาณิชย์มากกว่ากัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนทำได้ทุกกระทรวง ก่อนบอกว่า  “พาณิชย์ผมก็รัก”

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่มาครบทั้งหมดแล้ว รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ  หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยจะส่งรายชื่อทั้งหมดให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบเช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างรอบคอบ ส่วนการแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ที่จะนำเสนอชื่อเพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไป

ด้าน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องรายชื่อน่าจะจบ น่าจะเรียบร้อยหมดแล้ว ยืนยันว่ากลุ่มของร.อ.ธรรมนัสมีจำนวนเท่าเดิม เนื่องจากเมื่อเช้านี้ร.อ.ธรรมนัสได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ตนยังไม่ได้รับการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร เมื่อถามว่า สัดส่วนรัฐมนตรีควรจะสอดคล้องกับจำนวน ส.ส.หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เชื่อว่ามันจะต้องสอดคล้องกัน  เนื่องจากมีจำนวนพรรคเล็กร่วมด้วย ตนจึงคิดว่าตัวเลขไม่ได้สำคัญ แต่จะทำอย่างไรให้รัฐบาลตั้ง ครม.ให้ได้ ที่ตนแอบได้ยินมา ยังมีประชาชนที่จะได้รับข่าวดีอีกเยอะในเรื่องนโยบาย เมื่อถามว่า ส.ส.เพชรบูรณ์จะอยู่กับใคร นายไผ่ กล่าวว่า น่าจะอยู่กับเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวการส่งชื่อรัฐมนตรีซ้อนกัน นายไผ่ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่แน่นอนว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ เป็นน้องตน ต้องอยู่กับตน ขอยืนยันว่าทุกคนไม่ได้มีปัญหากับพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังรักและเคารพเสมอ แต่เราขอทำงานตามข้อเท็จจริงที่เราได้รับมา ซึ่งเราก็มีการประสานงานกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ตนก็เป็นหนึ่งคนที่เกิดมาจากพรรคเพื่อไทย เคยอยู่ที่นั่น เชื่อว่าข้อมูลที่มี เป็นข้อมูลจริง และได้รับการกรองมาอย่างดี

เมื่อถามว่า นอกจากกลุ่มร.อ.ธรรมนัสแล้วจะมีกลุ่มของพล.อ.ประวิตรร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ต้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสิน ตนไม่อยากกดดัน และสร้างเงื่อนไขทางการเมืองใดๆ เพราะประชาชนต้องการทำทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้นโยบายเดินต่อ เรายืนยันว่า เราทำงานร่วมกับทุกคนได้ เพื่อประชาชนเป็นหลัก เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกับกลุ่มร.อ.ธรรมมนัส 3 ตำแหน่ง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องนำ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมาด้วย นายไผ่ กล่าวว่า เชื่อว่านายสันติมาร่วมอยู่แล้ว แต่ภาพการปรากฏตัวของนายสันติที่บ้านป่ารอยต่อฯ จะถูกมองว่าเป็นการเหยียบเรือสองแคมหรือไม่ ตนเชื่อว่าไม่มีใครคิดร้ายกับท่านหัวหน้าพรรค เรายังรักและเคารพเหมือนเดิม การพูดคุยเป็นไปได้ตลอด

เมื่อถามถึงกรณีที่ร.อ.ธรรมนัสไปพบกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายไผ่ กล่าวว่า ตนอยู่บ้าน ตนไม่เห็นท่านเฉลิมชัยอยู่ในบ้าน ตนก็เลยไม่รู้ ไม่ทราบจริงๆ เมื่อแยกกันเมื่อวานนี้ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับคนในพรรคเลย เมื่อถามว่า เป็นการพูดคุยกันหลังบ้าน นายไผ่ กล่าวว่า ตนว่าไม่ใช่หน้าที่เรา วันนี้บอกแล้วว่าร.อ.ธรรมนัสและพวกเราจะไม่กดดันการทำงานของท่านนายกฯ และพรรคเพื่อไทย เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้
“ ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติด ไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่ง รวมถึงการเสนอชื่อ และคุณสมบัติ ต้องขอยืนยันว่าการตีความเรื่องจริยธรรม ทำให้ค่อนข้างลำบาก ที่จะออกมาบอกว่า มีใครบ้าง เพราะหากไม่ได้ขึ้นมา อย่างไรเขาก็ต้องเล่นการเมืองต่อ ไม่ใช่ว่าไม่มีจริยธรรมแล้ว จะทำไม่ได้ เชื่อว่าทุกพรรค ทุกคน ไม่มีใครมาบอกว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้ แล้วจะไม่ร่วม ยืนยันเรื่องนี้ไม่มีใครติดใจร.อ.ธรรมนัส เท่าที่ผมทราบจากกฤษฎีกาและเลขาฯครม. ก็มีการกำหนดกรอบไว้แล้ว แล้วจึงยื่นกฤษฎีกาตีความคาดว่าอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างเร็ว จะได้เห็นหน้า ครม.กัน ส่วนนักร้องถ้าไม่ชัวร์จริงๆ ก็ควรเบาบ้าง”  เมื่อถามว่า ตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพรรคพลังประชารัฐ 
วันเดียวกัน  พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า " ตามที่ปรากฎเป็นข่าวเกี่ยวกับพรรดพลังประชารัฐในขณะนี้นั้น พรรคพลังประชารัฐ ขอเรียนชี้แจงต่อสมาชิกพรรค พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนเพื่อทราบ ดังนี้ ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐได้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐได้มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยโดยได้มีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอื่นๆไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐได้ลงมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ซึ่งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 หัวหน้าพรรดพลังประชารัฐ ได้ส่งรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรค จำนวน 4 ท่าน ไปให้นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผ่าน นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้ว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและบุคคลใดๆ (เป็นบุคคลและตำแหน่งเดิมในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมา)

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติตามกระบวนการต่อไป ปัจจุบันพรรคพลังประชารัฐยังคงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นสมาชิกพรรค พลังประชารัฐจำนวน 40 ท่าน ที่มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อสนับสนุน นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของ ประเทศชาติ และพี่น้อง ประชาชนต่อไป" 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐในรัฐบาลนายเศรษฐา ประกอบด้วย  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข และนายอรรถกร  ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือทวงถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคภูมิใจไทยปมรับเงินบริจาค ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร หากมีสิ่งใดที่ผู้คนสงสัยเห็นว่าการกระทำไม่ถูกต้อง ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลตามหน้าที่พลเมือง
เมื่อถามว่า ทนายอั๋นยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมของนายอนุทินและนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประเด็นเรื่องที่ดินเขากระโดง นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ปิดทางให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล จะกระทบกับโควตารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยได้ส่งรายชื่อให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้รับการประสานมาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานโดยให้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย เป็นคนนำเอกสารไปยื่น
เมื่อถามว่า เรื่องคุณสมบัติของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย มีความสุ่มเสี่ยงหรือไม่ หลังต้องตรวจเข้มคุณสมบัติรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า จะบอกว่ากังวลหรือไม่กังวลก็ไม่ถูก เพราะได้ส่งรายชื่อที่มีการตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ในส่วนที่พรรคสามารถดำเนินการได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง และต้องมีการยืนยันทางเอกสารที่มีความชัดเจน ย้ำว่าไม่มีรายชื่อสำรอง เพราะคิดว่าก็มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะตรวจทานคุณสมบัติบุคคล ที่จะเป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เป็นอย่างดี คนที่มีปัญหาก็คงไม่กล้าส่งรายชื่อไป ไม่ต้องไปเกรงใจใคร

“ได้ส่งข้อความไป Happy birthday น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 38 ปี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ตอบ”ขอบคุณค่ะ” กลับมา

ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศแยกตัวตั้งกลุ่ม ส.ส.ของตนเอง แต่ยังคงดำเนินการอยู่ภายใต้พรรคพลังประชารัฐนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัสได้หารือกับบุคคลสำคัญในพรรคเพื่อไทยแล้ว และได้สรุปตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนโควตาของพรรคพลังประชารัฐทั้งหมด 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วยตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ,รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรมช.เกษตรกรและสหกรณ์ โดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ จะนั่งรองนายกรัฐมนตรี ,ร.อ.ธรรมนัส นั่งรมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่งตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ ตามเดิม ซึ่งทั้ง 3 รายชื่อ ได้ส่งประวัติและรายละเอียดให้กับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติตามขั้นตอนแล้ว

ขณะเดียวกัน มีรายงานพรรคประชาธิปัตย์ที่มีข่าวจะเข้าร่วมรัฐบาลจะได้โควตารัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง โดยคาดว่าจะเป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรมช.อีก 1 ตำแหน่ง
ขณะที่ แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะการเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา  ที่ประชุมได้มีมติมอบอำนาจให้ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค มีอำนาจเต็มในการเจรจา และตัดสินใจในการเข้าร่วมรัฐบาล ในกรณีที่มีการเชิญพรรคเข้าร่วมรัฐบาล   ซึ่งตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมา นายเดชอิศม์ได้ประสานพูดคุยผ่านคนใกล้ชิดนายทักษิณว่าพร้อมที่จะเข้าร่วมรัฐบาลตามดีลเดิม และขอให้มีเทียบเชิญมาอย่างเป็นทางการ เพื่อสามารถชี้แจงสังคมและมวลสมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคได้  

“เดิมในส่วนของพรรคปชป. มีความประสงค์จะขอตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ และรมช.มหาดไทย  แต่คาดว่าเมื่อมีการเกลี่ยตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะมีการสลับสับเปลี่ยนกระทรวงจึงมีการสลับเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ คงจะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรีตามที่ต้องการ ยิ่งเกิดปัญหาขัดแย้งภายในพลังประชารัฐ ในปีกของพล.อ.ประวิตรกับกลุ่มร.อ.ธรรมนัส ในการส่งรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีซ้ำซ้อนจาก2 กลุ่ม จึงต้องรอความชัดเจนในการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ โดยเน้นถึงด้านจริยธรรมด้วย แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการส่งเทียบเชิญให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด  และหากมีการส่งเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาลจริง ตามข้อบังคับพรรคก็ระบุชัดเจนว่าจะต้องมีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารและส.ส.พรรค เพื่อมีมติร่วมในนามพรรคว่าจะ เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร”