สุดอุกอาจ!นศ.วิศวกรรมปี1 มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านนนทบุรี ถูก 2 โจ๋พกมีดจ้วงแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเพียงถูกมองหน้า

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.67 เวลา 17.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางบัวทองได้รับแจ้งเหตุ ทะเลาะวิวาท มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีด 1 ราย ที่เกิดเหตุ บริเวณโรงเรียนจันทองเอี่ยม ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณ ลานจอดรถคอนโด ดิ ไอริส บางใหญ่ ถนนจันทร์ทองเอี่ยม ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบรอยเลือดกองอยู่บนพื้นถนน ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายอนาวิล  อายุ 19 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังจังหวัดนนทบุรี  ถูกอาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณกลางหลังมีบาดแผลลึกเห็นกระดูก มีความกว้างกว่า 20 ซม. เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล เกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์

ทั้งนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่  21 ส.ค.67 เวลา 15.51 น. พบผู้บาดเจ็บได้ขับขี่รถจยย.สีชมพู แล้วจอดอยู่บริเวณริมถนน จากนั้นก็ได้พบเจอกลุ่มวัยรุ่นอีกฝ่ายจำนวน 2 คน คนแรกสวมเสื้อคลุมสีดำหมวกกันน็อคเต็มใบ คนสองมีลักษณะผทยาว สวมเสื้อเชิ้ตสีเทากางเกงขายาว ได้วิ่งไล่กันมาโดยชายสวมหมวกกันน็อคได้วิ่งใช้มือตวัดมีดจ้วงฟันทางด้านคนเจ็บแต่ไม่โดน โดยคนเจ็บวิ่งหนีมาบริเวณลานจอดรถคอนโด จากนั้นทั้งคู่ได้ต่างคนต่างถอยพูดจาถกเถียงกันอยู่ ไม่ยอมแยกย้ายทางคนเจ็บได้เดินกลับเข้าไปหาคู่กรณีอีกครั้ง จากนั้นก็มีการชกต่อยจ้วงแทงกันจนคนเจ็บลงไปกองกับพื้นได้รับบาดเจ็บ ไม่พอถูกเตะหน้าซ้ำ ก่อนจะวิ่งขึ้นรถจยย. หลบหนี จากนั้นพลเมืองดีก็รีบเข้ามาช่วยเหลือคนเจ็บก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยในเวลาต่อมา

สอบถามนายพิเชษฐ์ อายุ 48 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.51 น. ตนได้เห็นเหตุการณ์วัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันบริเวณฝั่งตรงข้ามถนนฝ่ายคนเจ็บสวมเสื้อสีขาว และอีกฝ่ายมา 2 คน สวมเสื้อสีดำถือสปาต้าคนละ 1 เล่ม โดยเหตุการณ์จะเป็นการรุมทำร้ายร่างกายโดยการชกต่อย 2 รุม 1 จากนั้นคนเจ็บกับผู้ก่อเหตุก็ถอยห่างกันไประยะหนึ่งก่อน ทั้งคู่จะเดินมาเถียงกันอีก 1 รอบ ก่อนจะมีการต่อสู้ทำร้ายกันอีกครั้งโดยรอบ 2 น้องคนเจ็บได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลังเป็นแผลอุกฉกรรจ์ และที่มือ ซึ่งเท่าที่ตนได้ยินเสียงที่มีการด่าทอกันสาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากการมองหน้ากัน