สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์จัดใหญ่ประกวด “วิจิตรศิลป์ซิ่นแพรวา” เดินแฟชั่นโชว์คอนเซปใส่ผ้าแพรวาอย่างไรให้ดูปัง ดูแพง ชิงเงินรางวัล ขณะที่นางแบบและนายแบบยกสตูดิโอขนสุดยอดผ้าไหมแพรวาเดินประชันบนแคทวอล์คในงานวิจิตแพรวาราชินีแห่งไหม


ที่เวทีกลางงานวิจิตรแพรวา ราชินีแห่งไหม 2567 บริเวณสนามหน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) มีการประกวด“วิจิตรศิลป์ซิ่นแพรวา” โดยการเดินแฟชั่นโชว์ คอนเซปใส่ผ้าไหมแพรวาอย่างไรให้ดูปังดูแพงชิงเงินรางวัล ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของงานวิจิตรแพรวา ราชินีแห่งไหม 2567 ซึ่ง จ.กาฬสินธุ์ โดยสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับเครือข่าย และทุกภาคส่วนจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 23 สิงหาคม 2567 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวา และผลิตภัณฑ์โอทอป 


โดยกิจกรรมการประกวดมีบรรดานางแบบ และนายแบบ ผู้สนับสนุนที่เป็นห้างร้าน และภาคเอกชนต่างพากันยกสตูดิโอขนสุดยอดผ้าไหมแพรวาที่มีลวดลายและสีสันสวยงามร่วมกิจกรรมเดินประชันบนแคทวอล์ค โดยมีคณะกรรมการที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญลงคะแนนคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันทำการประกวดเดินแบบ


โดยรางวัลชนะเลิศ ตกเป็นของ นายภวิถษย์ถกร เดชจุ้ย รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ นายอติชาติ ศรีลำพัง รองชนะเลิศอันดับสองได้แก่ น.ส.กาญจนา ภูผารส ซึ่งการประกวด“วิจิตรศิลป์ซิ่นแพรวา” ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการยกระดับจุดเด่นอันสำคัญของผ้าไหมแพรวาที่ได้ชื่อเป็นราชินีแห่งไหม  โดยมีห้องเสื้อ ช่างตัดเย็บเป็นผู้รังสรรค์ เพื่อชูผลงานลายผ้าไหมโบราณ ลายผ้าไหมประยุกต์ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานออกสู่สายตาชาวโลก มีการไลฟ์สดบรรยากาศการประกวดเดินแบบ เพื่อกระตุ้นโชว์อัตลักษณ์ลายผ้าพื้นเมือง ผ่านนางแบบ และนายแบบสวยหล่อ 


อย่างไรก็ตามสำหรับงานวิจิตรแพรวา ราชินีแห่งไหม 2567 เป็นการรวบรวมผ้าไหมพรวา สินค้าอัตลักษณ์ของ จ.กาฬสินธุ์ และสุดยอดผ้าไหมจาก 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน มาจัดแสดงและจำหน่ายในงาน เพื่อเป็นการปักมุด จ.กาฬสินธุ์ เป็นแหล่งทอผ้าไหมแพรวาที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน 100  คูหา การจัดนิทรรศการการทอผ้าไหม นิทรรศการการย้อมสีธรรมชาติ การจัดแสดงของศิลปิน การบรรยายและสาธิตกิจกรรมการเรียนรู้กระบวนการทอผ้าไหม และการประกวดมากมายภายในงาน คาดว่าจะมีเงินสะพัดในงานตลอด 5 วันมากกว่า 20 ล้านบาท

​​​​​​​