“ชาวเชียงของ”สุดทน!! บุกศาลากลางเชียงรายร้องรถบรรทุกลิกไนต์จาก สปป.ลาวสร้างความเดือนร้อนหนัก-ก่อมลพิษทำลายสุขภาพทั้งทางน้ำและอากาศ เผยอำเภอสั่งหยุดขนชั่วคราวแต่ยังฝืน
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีตัวแทนชาวบ้านจากตำบลสถานและตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย กว่า 10 คนได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อคัดค้านกรณีที่มีผู้ประกอบการเอกชนแห่งหนึ่ง ขนถ่านหินลิกไนต์มากองพักไว้ในหมู่บ้านบ้านใหม่เจริญ ต.สถาน อ.เชียงของ ทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิต รวมทั้งขอให้มีการตรวจสอบกรทำหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 เนื่องจากมีการอนุญาตโดยไม่ทำประชาคมชาวบ้าน โดยมีนายประเสริฐ จิตพลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ
นายประจอง ไชยสิทธ์ ตัวแทนชาวบ้านใหม่ทุ่งหมด หมู่ 7 ต.สถาน กล่าวว่า ต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งยุติการประกอบกิจการขนถ่านหินลิกไนต์ เนื่องจากชาวบ้านได้รับผลกระทบเรื่องสุขภาพ เพราะถ่านหินได้ส่งกลิ่นเหม็น และมีเสียงรถบรรทุกรบกวน ตลอดจนน้ำเน่าเสียไหลลงคลองฮ่องแหย่ง ซึ่งพวกตนเคยร้องเรียนไปที่อำเภอเชียงของแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการของฝ่ายปกครองอำเภอ แต่ก็ยังมีการเพิ่มปริมาณขนเข้ามามากยิ่งขึ้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
นายประจองกล่าวว่า กรณีผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ลงนามลายมือชื่อของตัวเองเพียงผู้เดียว ในบันทึกรายงานการประชุมของหมู่บ้าน โดยไม่มีลายเซ็นต์ของชาวบ้านแม้แต่คนเดียว เพื่อยื่นต่อเทศบาลตำบลสถานให้ต่อใบอนุญาตขนถ่ายหินลิกไนต์นั้น ชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังอำเภอเชียงของแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าการกระทำของผู้ใหญ่บ้านมีความผิดชัดเจนเพราะใช้เอกสารเท็จ
นายประเสริฐ จิตพลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวกับชาวบ้านว่า จะให้ส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ทั้งเรื่องใบอนุญาต พรบ.โรงงานอุตสาหกรรม เรื่องมลพิษนั้นท้องถิ่น จะปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ต้องตรวจสอบพิจารณาแก้ไข ส่วนประเด็นร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านนั้นให้ทางอำเภอพิจารณาต่อไป
ขณะที่นายธนกร วิภาคกิจ ปลัดอำเภอเชียงของ กล่าวว่า อำเภอเชียงของหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน โดยนายอำเภอเชียงของได้สั่งพักการขนลิกไนต์ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบผลกระทบ และได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ พบว่าในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่พักบดคัดแยกลิกไนต์นั้นออกโดยเทศบาลตำบลสถานโดยไม่ต้องมีหนังสือเห็นชอบจากผู้ใหญ่บ้านเพราะเป็นอำนาจของเทศบาล ทั้งนี้ทางอำเภอได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เข้ามาตรวจสอบซึ่งตอนนี้ได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับมลพิษและฝุ่นละออง และได้สอบถามไปยังอุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานโยธาและผังเมืองฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาต รวมทั้งแจ้งเทศบาลตำบลสถานผู้ออกใบอนุญาตฯ ดำเนินตรวจสอบการดำเนินกิจการว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ และได้ตั้งข้อสังเกตกับเทศบาลที่ออกใบอนุญาตถึงการประกอบกิจการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขนถ่านหินลิกไนต์ดังกล่าวเป็นการนำมาจาก สปป.ลาว ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 (ห้วยทราย-เชียงของ) ระยะทางจากหน้าด่านพรมแดนมายังที่พักถ่านหินลิกไต์ ประมาณ 5 กม โดยใช้รถบรรทุกขนานใหญ่ขนถ่ายวันละหลายสิบเที่ยว ผ่านถนนเข้าออกชุมชนไปยังจุดเทกองโดยไม่มีการคลุมผ้าใบ ทำให้เศษถ่านหินตกเรี่ยราดบนถนน ขณะที่การเทกองได้มีการบดทำให้ฝุ่นสีดำฟุ้งกระจาย เข้าสู่บ้านเรือน ส่งผลให้เกิดมลพิษจากฝุ่นละออง ส่งกลิ่น และน้ำจากกองถ่านหินไหลลงสู่คลองชลประทาน (ร่องแหย่ง) ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชนโดยรอบ โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว และอำเภอเชียงของได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและสั่งยุติการดำเนินกิจการไปแล้วชั่วคราว แต่ปัจจุบันยังมีการบรรทุกขนถ่ายหินลิกไนต์เหมือนเดิม