ต้องยอมรับว่า “เชื้อโคโรนาไวรัส 2019” หรือ “โควิด-19” นั้น พิษร้ายเหลือ

เพราะนอกจากแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว คือ ติดเชื้อระหว่างกันได้ง่ายแล้ว ซึ่งตามที่มีบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นทางการของหน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ระบุว่า นับตั้งแต่แพร่ระบาดตลอดช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปีที่แล้วเป็นต้นมาเท่านั้น ก็มีผู้ป่วยติดเชื้อรวมแล้วกว่า 704 ล้านราย ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงน่าจะมีมากกว่านั้น เพราะยังมีผู้ป่วยติดเชื้อไม่ได้รับการบันทึกเป็นข้อมูล หายหกตกหล่นอีกจำนวนไม่น้อย ก็ต้องถือว่า เป็นโรคระบาดที่ช็อกโลก เนื่องจากทุบสถิติ ทำลายประวัติศาสตร์ การแพร่ระบาดของโรคร้ายต่อมนุษยชาติเราอย่าที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นอกจากทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมหาศาลแล้ว “โควิด-19” ก็ยังสร้างความสะพรึงให้แก่มนุษยชาติชาวโลกเรา เพราะมันได้คร่าชีวิตเหยื่อผู้ป่วยที่ติดเชื้อมันไปแล้วกว่า 7 ล้านคน ทั้งๆ ที่เพิ่งระบาดได้เพียง 4 เพียงเท่านั้น และก็อีกเช่นกัน จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่แท้จริง น่าจะมีมากกว่าหน่ยงานด้านสาธารณสุขประเทศต่างๆ เก็บบันทึกข้อมูลไว้ข้างต้น

พิษร้ายของโควิด-19 ยังอาละวาดภาคส่วนอื่นๆ ของมนุษย์เราที่เกี่ยวข้อง จนหลายอย่างถึงขั้นพังครืนลงมา ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ต้องหยุดชะงัก ทั้งในรูปแบบชั่วคราว และปิดตายถาวร ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการให้กลับมาได้อีกก็มีจำนวนมิใช่น้อย เช่นเดียวกับด้านสังคม ที่ผู้คนไม่สามารถพบปะสังสรรค์ หรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เฉกเช่นก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิดฯ เนื่องจากต้องเว้นระยะห่างทางสังคม หรือโซเชียลดิสแทนซิง ตามมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสร้าย

เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลกเรานั้น ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโควิดฯ อย่างจริงๆ จังๆ นับตั้งแต่ปี 2020 (พ.ศ. 2563) เป็นต้นมา (โควิด-19 เริ่มปรากฏโฉมเมื่อประมาณช่วงเดือนธันวาคม 2019 หรือพ.ศ. 2562 ที่นครอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ยังไม่ได้ลุกลามแพร่ระบาดไปในประเทศต่างๆ โดยการแพร่ระบาดลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2020 หรือ พ.ศ. 2564)

โดยมีรายงานระบุว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คิดเป็นมูลค่ารวมแล้วก็กว่า 82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดช่วงระยะเวลา 4 – 5 ปีที่ไวรัสร้ายนี้แพร่ระบาดไปในพื้นที่ประเทศต่างๆ ถึง 231 เขต หรือประเทศทั่วโลก พร้อมกับทำให้เศรษฐกิจโลกต้องอยู่ภาวะถดถอยเฉลี่ยโดยรวมแล้วนับสิบจุด หรือกว่าร้อยละ 10 ในแต่ละปี

ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างกลุ่มจี 20 ที่ช่วงก่อนหน้าการแพร่ระบาดโควิด-19 ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี เฉลี่ยโดยรวมขยายตัวเติบโตเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เข้าไปก็ประสบกับภาวะถดถอยเฉลี่ยโดยรวมถึงปีละร้อยละ 3 – 4 ด้วยกัน

ขณะที่ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และประเทศเล็กๆ ทั้งหลาย แทบจะไม่ต้องพูดถึงกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ติดลบถดถอยกันอย่างเลวร้าย

สำหรับ สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายลง จนผู้คนทั้งหลายทั่วโลก แทบจะไม่สนใจต่อไวรัสชนิดนี้กันแล้ว แต่ปรากฏว่า มันยังส่งผลพิษร้ายอย่างน่าสะพรึงมิใช่น้อย กับอาการที่ตามของภาวะที่เรียกว่า “ลองโควิด”

โดยภาวะลองโควิดที่ว่า ก็เป็นอาการที่อาจจะบังเกิดขึ้นกับผู้ที่เคยป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายๆ คน นั่นเอง

แบบว่า แม้ว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อผู้นั้น เชื้อไวรัสโควิดได้หายไปจากร่างกายแล้ว แต่ปรากฏว่า ยังมีอาการบางอย่างไม่หายไปด้วย โดยมันยังสำแดงกับร่างกายของผู้ที่เคยป่วยติดเชื้อเหล่านั้นอยู่ แม้ว่าผ่านพ้นการติดเชื้อมาแล้วนานนับเดือน หรือหลายๆ เดือนมาแล้วก็ตาม หรือบางรายก็สำแดงอาการนานนับปีก็ยังมีให้เห็นเช่นกัน

ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะมีภาวะของ “ลองโควิด” ได้แก่ ผู้ป่วยโควิดที่มีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง มีโรคประจำตัว มีภาวะร่างกายอ้วน มีอายุเกินกว่า 60 ปี เป็นต้น

การรักษาผู้ป่วยลองโควิดที่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะปอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (Photo : AFP)

อาการของภาวะ “ลองโควิด” ที่ปรากฏว่า ก็มีหลายอาการด้วยกัน ได้แก่ ไอเรื้อรัง เหมือนมีอาการไข้ ปวดศีรษะ มึนวิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ ใจสั่น แน่นหน้าอก ท้องเสีย ท้องอืด หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย อ่อนเปลี้ยเพลียแรงหรือถึงขั้นกล้ามเนื้อไม่มีแรง มีภาวะวิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ความจำไม่ดีไม่มีสมาธิเหมือนแต่ก่อน รวมไปถึงการรับรสและกลิ่นก็ผิดปกติแตกต่างจากก่อนหน้าที่จะป่วยโควิด เป็นต้น

โดยผู้ที่มีภาวะลองโควิดต่างๆ เหล่านี้ ก็แน่นอนว่า ย่อมไม่สามารถใช้ชีวิต หรือทำงานได้ตามปกติ เหมือนเมื่อช่วงก่อนหน้าที่จะติดเชื้อ ซึ่งหลายรายยังคงต้องเข้ารับการบำบัดรักษากับอาการลองโควิดที่พวกเขาประสบ ส่งผลกระทบต่อการทำงาน รวมไปถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ

ร้านค้าหลายแห่งในประเทศต่างๆ ต้องปิดชั่วคราวจากผลพวงของการแพร่ระบาดโควิด-19 (Photo : AFP)

ทั้งนี้ในบางประเทศ หรือบางกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศ ก็มีจัดทำเป็นข้อมูลเพื่อศึกษาติดตาม อาทิ “องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา” หรือ “โออีซีดี” อันประกอบด้วยชาติสมาชิก 19 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส อังกฤษ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรเคีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และเหล่าแว่นแคว้นอิสระในตริเอสเต ปรากฏว่า ประชากรของชาติสมาชิกโออีซีดีเหล่านี้ พบผู้ที่มีอาการภาวะลองโควิดมากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ทางโออีซีดีบอกว่า เฉพาะผู้ที่อยู่วัยทำงาน ตามสถานประกอบการต่างๆ เท่านั้น ที่นอกเหนือจากกลุ่มคนวัยนี้ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง

ทว่า แม้จำนวน 3 ล้านคนซึ่งเป็นคนวัยทำงาน ที่มีอาการของภาวะลองโควิด ก็สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้แก่กลุ่มประเทศโออีซีดีคิดเป็นจำนวนเงินก็มากกว่า 1.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ล่าสุด ทางการออสเตรเลีย ก็เปิดเผยว่า ผลพวงพิษร้ายของภาวะลองโควิดที่มีต่อประชากรของประเทศแดนจิงโจ้แห่งนี้ ก็สร้างความเสียหายไปแล้วเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยกัน