"แพทองธาร" ประกาศนำพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนตลอด 3 ปีที่เหลือ ทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝันกำหนดอนาคตของตัวเอง มั่นใจไม่ซ้ำรอยพ่อ-อา ยืนยัน ไม่ยกเลิก "ดิจิทัลวอลเล็ต" ลั่น "ทักษิณ" ไม่ได้ครอบงำการเมือง ด้าน"โทนี่" เผยไม่จำเป็นนั่ง "ที่ปรึกษาฯ" เชื่อประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอย ขณะที่'ซูเปอร์โพล' เผยประชาชนเกินครึ่งเชื่อมือนายกฯ 'อุ๊งอิ๊ง'
ที่อาคารวอยซ์ สเปซ ที่ทำการชั่วคราวพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีฯ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.67 เวลา 09.29 น. ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เดินทางมาถึง โดยได้อัญเชิญไปยังสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ จากนั้น เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการ ว่า ”เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดิฉัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับเป็นเกียรติยศ และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต ดิฉัน ครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้นทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชนสนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ
ดิฉัน ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรคแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ดิฉันในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารจะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง
พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านคะ ภารกิจยิ่งใหญ่นี้ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดิฉันมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วนทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชนและพี่น้องประชาชน ดิฉันจะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ และทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วของบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง
ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม ขอบคุณค่ะ"
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ภายหลังรับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 โดยรอวันเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เพื่อรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการต่อไป ทั้งนี้ สื่อมวลชนถามว่า นโยบาย"ดิจิทัลวอลเล็ต" เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ ได้ข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สั่งยกเลิกนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ท่านทักษิณไม่ได้สั่งล้มดิจิทัลวอลเล็ต แต่ตนเข้าใจดี ท่านทักษิณลบภาพการเมืองออกได้ ขอยืนยันความตั้งใจในการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ ที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่พรรคเราศึกษามาดีแล้ว 1 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงมากมาย สิ่งที่ทำต่อไป คือ ต้องมีการศึกษาเนื้อหารายละเอียด ยืนยันความตั้งใจกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ยังต้องอยู่แน่นอน แต่ต้องอยู่ในระเบียบวินัยการเงินการคลัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทักษิณอาจเข้ามาครอบงำทางการเมือง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยืนยันไม่ใช่การครอบงำแน่นอน เพราะตนและทุกคนในครอบครัวมีความคิดเป็นของตัวเองปรึกษาและให้เกียรติกันทางความคิด แต่สุดท้ายเมื่อใครอยู่บทบาทไหน ก็ต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แต่แน่นอนว่าความคิดเห็นของครอบครัวหรือคนที่เคารพนับถือก็มีส่วนสำคัญ ส่วนตำแหน่งที่จะมาเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองนั้น ยังไม่ได้คิด เพราะท่านทักษิณก็ไม่อยากมีตำแหน่งอะไร จึงไม่ได้คิดอะไรไว้ แต่บางทีกฎหมายหรืออะไรก็ตามก็ต้องดูความละเอียดอ่อนเรื่องนี้ด้วยว่าสามารถใช้วิสัยทัศน์ของท่านทักษิณได้โดยที่จะไม่โดนอะไรก็น่าจะดีเหมือนกัน เพราะยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของท่านทักษิณได้พัฒนาประเทศมาแล้ว 10 กว่าปีทำให้คนไทยลืมตาอ้าปากได้ จึงห้ามไม่ได้ ที่จะต้องไปขอคำแนะนำจากท่านทักษิณ
ส่วนตัวพร้อมเข้าหาทุกภาคส่วน เพื่อขอความร่วมมือ เชื่อว่าไม่มีงานใหญ่ขนาดนี้ที่ไหน คนหนึ่งคนจะทำให้สำเร็จได้ ไม่สามารถสร้างประสบการณ์แบบดีดนิ้วทีเดียวแล้วสร้างได้ ดังนั้นต้องไปขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ในทุกภาคส่วน ขณะส่วนตัวยอมรับ ไม่มีใครอยากโดนแบบคุณพ่อ คุณอา ดิฉันมีความตั้งใจทำให้ดีที่สุด เราต้องมองไปที่เป้าหมาย
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวว่า ตนไม่หวั่นและกลัวกับกระแสที่จะซ้ำรอยพ่อและอา และคิดว่าปัญหาประเทศต้องถูกแก้ไขก่อนและที่มาเป็นนายกฯวันนี้จะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่และพร้อมเข้าหาทุกภาคส่วนพร้อมเข้าหาทุกคนไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรืออดีตนายกฯ เชื่อว่าไม่มีงานใหญ่ที่ไหนขนาดนี้ที่คนหนึ่งคนจะทำสำเร็จ เองได้ และไม่สามารถดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวและประสบความสำเร็จ จึงต้องขอ คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อให้การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นมีความหมายและผลักดันนโยบายเพื่อประเทศชาติได้มากที่สุด
ส่วนจะกลัวโดนเหมือนพ่อและอาหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวย้ำว่า ก็ไม่มีใครอยากจะโดนเหมือนพ่อและอาซึ่งวันนี้พ่อและอาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นตนมีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด ได้ถูกต้องที่สุด เพราะฉะนั้นก็ต้องมองไปที่เป้าหมายถ้ามานั่งกังวลทุกอย่างก็คงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้ และตนเองจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้มีคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ น.ส.แพทองธารได้พูดถึงคติประจำตัวของตัวเองในการทำหน้าที่นายกฯ ว่า ยึดถือคติ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ด้าน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมแสดงความยินดีกับน.ส.แพทองธารบุตรสาว ว่า รู้สึกดีใจ เพียงแต่สิ่งที่เรามองไปข้างหน้าคือความท้าทายเรื่องบ้านเมืองมีเยอะมาก ปัญหาต่างๆเยอะ ก็เป็นห่วง ต้องช่วยกันคิด เพราะปัญหามันหนัก ส่วนจะมีการแนะนำ น.ส.แพทองธาร อย่างไรนั้น น.ส.แพทองธาร เห็นการทำงานตนมาตลอด ก็รู้ว่าจะต้องเหนื่อย ต้องทุ่มเท ดึงทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่สวมกอดกับ น.ส.แพทองธาร ได้พูดคุยอะไรกันบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ตนบอกว่าเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ตนยืนข้างหน้า เขายืนข้างหลัง วันนี้เขามายืนข้างหน้า ตนยืนข้างหลัง ข้อดีของน.ส.แพทองธารคืออายุน้อย ไม่ถือตัว อ่อนน้อมถ่อมตน สามารถเดินไปหาทุกหน่วยเพื่อขอความร่วมมือช่วยเหลือได้ เมื่อถามว่า หากโอกาสเหมาะสมจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกฯ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คงไม่ต้องเป็นอะไร มีอะไรก็ยกหูถามได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ส่วนในฐานะทางการเมือง ก็คงไม่ ตนแก่แล้วอายุ 75 ปีแล้ว เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการเป็นนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร จะซ้ำรอยที่ผ่านมา นายทักษิณ ตอบว่า "ไม่มีทาง"
วันเดียวกัน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความเชื่อมั่นต่อนายกฯ คนใหม่ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,054 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 16 – 17 ส.ค.67 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.1 เห็นด้วยต่อสภาฯ สนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ในขณะที่ร้อยละ 26.4 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 27.5 ไม่มีความเห็น
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกฯ หญิงคนรุ่นใหม่แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้สำเร็จ พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.7 เชื่อมั่นค่อนข้างมาก ถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 48.3 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อย ถึง ไม่เชื่อมั่นเลย
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แก้ไข พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.5 ระบุ ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ รองลงมาคือร้อยละ 46.5 ระบุ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพ หลอกลวงประชาชน ร้อยละ 42.1 ระบุ ปัญหาหนี้ในระบบ ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้อยละ 41.9 ระบุ ปัญหาหนี้นอกระบบ ร้อยละ 36.9 ระบุ อาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของประชาชน ร้อยละ 36.2 ระบุ ปัญหาแหล่งเงินทุนผู้ประกอบการ นักลงทุนรายย่อย และ ขนาดกลาง ร้อยละ 34.4 ระบุ ปัญหายาเสพติด และร้อยละ 12.0 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ขยะมลพิษ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
รายงานของซูเปอร์โพล ยังระบุว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนายกฯ หญิงคนใหม่อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในหลายมิติที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของการสนับสนุนและการมองเห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้วัดความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อผู้นำได้เป็นอย่างดี ประเด็นที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ และการหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แสดงให้เห็นว่าความต้องการด้านความปลอดภัยทางเศรษฐกิจและการเงินยังคงเป็นสิ่งที่เร่งด่วนและสำคัญต่อชีวิตประจำวันของประชาชนในทุกสาขาอาชีพ
รายงานของซูเปอร์โพล ระบุด้วยว่า การเชื่อมั่นที่แบ่งเป็นสองฝ่ายค่อนข้างชัดเจน โดยมีเกินครึ่งที่เชื่อมั่นในความสามารถของนายกฯ หญิงคนใหม่ในการแก้ไขปัญหา แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ยังคงไม่เชื่อมั่น อาจสะท้อนถึงความแตกต่างในความคาดหวังและความต้องการที่หลากหลายของประชาชนในสังคมไทยในปัจจุบัน การติดตามและวิเคราะห์ผลสำรวจเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เห็นทิศทางและการตอบสนองของรัฐบาลต่อความคาดหวังของประชาชนได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการของรัฐบาลในอนาคต
การพัฒนาและตอบสนองต่อผลสำรวจดังกล่าวนี้อาจรวมถึงข้อเสนอแนะหลายด้านที่นายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรและทีมงานสามารถพิจารณาเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและตอบโจทย์ปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ในปัจจุบัน มีต่อไปนี้ 1. การสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา การสื่อสารนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายจะช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ดีขึ้นและเพิ่มความเชื่อมั่นในรัฐบาลได้ โดยเฉพาะในเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลสูงอย่างเรื่องเศรษฐกิจและความปลอดภัยทางการเงิน
2. การพัฒนาและปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจ รัฐบาลควรพิจารณานโยบายที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน เช่น การควบคุมราคาสินค้าและบริการพื้นฐาน การสนับสนุนการจ้างงาน และการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย 3. มาตรการปราบปรามการหลอกลวงและอาชญากรรมทางการเงิน การกำหนดมาตรการเข้มงวดและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน
4. การจัดการปัญหาหนี้สิน นโยบายที่ช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินของประชาชนทั้งในและนอกระบบธนาคาร อาจรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านการเงิน การปรับโครงสร้างหนี้ และการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีความยืดหยุ่นและเป็นธรรม 5. การเสริมสร้างการศึกษาและการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมสังคม การลงทุนในการศึกษาและการส่งเสริมวัฒนธรรมที่เน้นความโปร่งใสและความรับผิดชอบจะช่วยสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนและลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นได้
การใช้ข้อมูลจากการสำรวจและการวิจัยอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้รัฐบาลตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มความเชื่อมั่นในรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและการสนับสนุนนโยบายอย่างต่อเนื่อง