เปิดภาพวงจรปิดนาทีเรือเจ็ทสกี ชนเรือหางยาว ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตนิมนต์พระเชิญวิญญาณที่เกิดเหตุ

ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้เคียงท่าน้ำวัดบางกระเจ้านอก ช่วงเวลา 20.29 น. ของคืนวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นค่ำคืนวันเกิดเหตุเรือเจ็ทสกีชนกับเรือหางยาว โดยกล้องวงจรปิดมุมนี้จับภาพค่อนข้างชัดเจน จะเห็นว่าทางฝ่ายของเรือหางยาว ซึ่งมีคนขับและนั่งโดยสารในเรือทั้งหมด 3 คน ขับออกจากท่าเรือของวัดบางกระเจ้านอก เพื่อข้ามฝากไปฝั่งของพระรามสาม หลังจากที่เรือลำนี้ออกจากท่าเรือไปได้ไม่ไกลจนถึงเกือบกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฏว่ามีเรือเจ็ทสกีคู่กรณีที่ขับมา ลำแรกจากกล้องจะเห็นว่ามีการหักหลบพ้นแต่อีกลำหักหลบไม่พ้นและชนอย่างจัง ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนักแสดง ที่เป็นคนขับ ขณะที่ภาพอีกมุมจากกล้องบนเรือสินค้าที่จอดอยู่ข้างฝั่ง จับภาพได้ไกลๆจะเห็นเรือเจ็ทสกีสองลำขับนำหน้ามาก่อนจะพ้นรัศมีกล้องไม่ไกลและพุ่งชนเรือหางยาวจนทำให้คนในเรือต้องลุกยืนดูเหตุการณ์  ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทางพนักงานสอบสวนจะร่วมกับกรมเจ้าท่าใช้พิจารณาทางคดี

ขณะที่ล่าสุดทางด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้มีการนิมนต์พระสงฆ์ไปยังท่าเรือวัดบางกระเจ้านอก เพื่อทำพิธีเชิญวิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้งสองราย บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

โดย นาย มงคลสวัสดิ์ อายุ 48 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ได้เล่าให้ฟังว่า กำลังจะข้ามฝากไปฝั่งโน้นแล้วตนนั่งหน้าแฟนนั่งกลางแล้วก็คนขับ พอไปถึงประมาณกลางแม่น้ำมีเรือเจ็ทสกีมาชนมาชนช่วงนั้น ตนนั่งอยู่ตนก็หันไป ก็ไม่มีคนขับไม่มีแฟนแล้วตนก็ตะโกนเรียกชื่อเรียกชื่อเพราะว่าแฟนว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งมองไม่เห็นใครเลยทั้ง2คน

 นอกจากนี้คู่กรณียังไม่มาคุย ตนเองเป็นผู้เสียหาย คือมีคนตาย หรือคนตายก็คือแฟนตนคืออย่างน้อยคำขอโทษ ยังไม่ได้ยินเลย ก็เป็นห่วงเรื่องทางคดี ส่วนความเร็วตนเองคิดว่าเร็ว หากไม่เร็วเครื่องยนต์ของเรือจะตกน้ำไหม ลองสังเกตรอยยุบของเรือก็ได้ ซึ่งถ้าหากตนเองร่วงตกลงน้ำก็ไม่รอดชีวิต

ส่วน น.ส.ประภาศรี อายุ 41 ปี ลูกคนเล็กของคนขับเรือ ได้เล่าให้ฟังว่าตนเองเป็นลูกสาว ของ ลุงประยูรคนขับเรือโดยสารตนเองมารู้ข่าวช่วงเช้าโดยมีคนโทรศัพท์ไปแจ้ง พี่ชายว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว จึงรีบมาที่เกิดเหตุตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าคุณพ่อจะเสียชีวิตเร็ว ซึ่งก่อนเกิดเหตุพี่ชายของตนเองมีลางสังหรณ์เนื่องจากตากระตุก ไม่ยอมหายสักที คิดว่าต้องมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่าง แต่สำหรับตนเองไม่มีอะไรแต่พี่ชายรู้สึกว่าตากระตุกนานมากและไม่ยอมหาย ไม่คิดว่าคุณพ่อจะเสียชีวิตเร็วขนาดนี้บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อได้หยุดขับเรือไปพักนึงแล้วแต่ก็มาขับใหม่ แต่คุณพ่อมีอาชีพขับเรือตั้งแต่ตอนตนเองยังเล็กๆอยู่ จนขนาดนี้ตนเอง อายุ 40 กว่าแล้ว ซึ่งตนเองอยากให้พ่อพักไปอยู่ที่บ้านแต่พ่อก็ไม่ยอมกลับ ซึ่งตนเองอยากจะฝากผู้ที่นั่งเรือข้ามฟากหรือเรือโดยสารว่าให้ระมัดระวังซึ่งอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ

ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี พ.ต.อ. ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางลงมาประชุมคลี่คลายคดีนี้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งเปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้มีความคืบหน้าไปมากและไม่มีอะไรซับซ้อน ขณะนี้ทั้งพนักงานสอบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าโดยผู้อำนวยการกรมเจ้าท่าสาขาสมุทรปราการ ลงพื้นที่ไปตรวจที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐานต่างๆที่เรือทั้งสองลำแล้ว เหลือเพียงประสานนักประดาน้ำลงตรวจสอบจุดที่เครื่องเรือจมน้ำว่าอยู่จุดไหน เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างสมุทรปราการกับทางกรุงเทพมหานคร หากได้ข้อสรุปพื้นที่ที่แน่ชัดแล้วและพบว่าเป็นเขตพื้นที่ของสมุทรปราการ พนักงานสอบสวนก็จะเดินหน้าทางสำนวนคดี ส่วนการจะดำเนินคดีกับผู้ใดบ้างนั้นยังสรุปไม่ได้และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับใคร เนื่องจากจะต้องรอผลการสอบสวนของกรมเจ้าท่าอีกครั้ง เพราะมีอำนาจหน้าที่โดยตรงของกรมเจ้าท่า ตาม พ.ร.บ. เดินเรือ ซึ่งหากกรมเจ้าท่าสอบสวนแล้วเสร็จก็จะมีการแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

 ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่าคนขับเรือมีการดื่มสุราหรือเมาสุราในขณะขับขี่หรือไม่นั้น เบื้องทางด้านพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจหาแอลกอฮอล์ในตัวคนขับเรือเจ็ทสกีแล้วตั้งแต่เมื่อคืนหลังเกิดเหตุไม่นาน และไม่พบแอลกอฮอล์แต่อย่างใด