วันที่ 18 ส.ค. 67เวลา 11.30 น.ศูนย์วิทยุ 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดยโสธรได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำกรีดขวางการจราจรและมีน้ำมันรั่วไหล โดยเหตุเกิดที่ถนนวารีราชเดช บริเวณทางโค้งก่อนถึงโรงพยาบาลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร จึงแจ้งให้ร้อยเวรสอบสวนของ สภ.กุดชุม ออกตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พอไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งหักศอกพบรถบรรทุกยี่ห้อฮีโน่สีน้ำเงินหัวลากหมายเลขทะเบียน 71-xxxx สระบุรี และตัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 72- xxxx สระบุรี พลิกตะแคงอยู่กลางถนนจนทำให้น้ำมันดีเซลที่บรรทุกมา จำนวนกว่า 43,000 ลิตร รั่วไหลออกมาอยู่ตลอดเวลาส่งผลทำให้พื้นถนนเจิ่งนองไปด้วยคราบน้ำมันสร้างความแตกตื่นตกใจกลัวให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุและผู้ที่สัญจรผ่านไปมา

ใกล้กันยังพบว่ามีแบริเออร์ แบบลูกกลิ้งถูกชนจนได้รับความเสียหายทั้งแถบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องทำการปิดการจราจรทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อความปลอดภัย และได้กันพื้นที่เอาไว้พร้อมกับห้ามให้ประชาชนหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้จุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะทำให้เกิดประกายไฟจนเกิดเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีชาวบ้านแอบเข้าไปตักเอาน้ำมันที่ไหลมาตามพื้นถนน โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ส่วนสาเหตุคาดว่าคนขับอาจจะไม่ชินเส้นทางและขับรถมาด้วยความเร็วจึงทำให้ไม่สามารถที่จะบังคับรถให้เข้าทางโค้งได้ เนื่องจากเป็นทางโค้งหักศอกประกอบกับรถบรรทุกได้บรรทุกน้ำมันมาเต็มคันซึ่งมีน้ำหนักมากจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำดังกล่าว
                             

จากการสอบถาม นายธวัชชัย อายุ 31 ปี คนขับรถบรรทุกน้ำมันคันเกิดเหตุ เล่าว่า ตนขับรถบรรทุกน้ำมันดีเซลทั้งหมด จำนวน 43,000 ลิตร มาจากจังหวัดสระบุรี เพื่อนำไปส่งที่จังหวัดนครพนม โดยมีภรรยานั่งมาเป็นเพื่อนด้วยและอ้างว่าขับมาไม่เร็วมากนักแต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งหักศอกตนพยายามบังคับให้เข้าทางโค้งแต่ด้วยน้ำหนักรถที่ค่อนข้างมากทำให้ล้อรถฝั่งซ้ายยกขึ้นจนทำให้พลิกคว่ำดังกล่าวและมีน้ำมันที่บรรทุกมารั่วไหลออกมาตลอดเวลาแต่โชคดีที่ตนกับภรรยาปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
                                   

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ต้องนำรถดับเพลิงไปจอดประจำการไว้บริเวณจุดเกิดเหตุพร้อมกับได้นำทรายไปเทกลบบริเวณผิวจราจรที่มีคราบน้ำมันรั่วไหลเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นและได้ประสานนำรถเครนขนาดใหญ่ จำนวน 2 คัน ไปช่วยกันกู้ซากรถที่พลิกคว่ำออกจากผิวจราจรโดยใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง จึงสามารถเปิดการจราจรได้ตามปกติ