วันที่ 17 ส.ค.67 ที่ว่าการอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชิญสิ่งของพระราชทาน ของ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปมอบแก่ราษฎร บ้านหัวแม่ลาก๊ะ หมู่ 8 ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม ซึ่งประสบอุทกภัย จำนวน 5 ชุด และมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว ที่เสียชีวิตจำนวน 1 ราย จากสาเหตุการเกิดอุทกภัยเมื่อวันที่ 13-15 สิงหาคม 2567
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพล หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ในการนี้ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ได้มอบข้าวกล่อง จำนวน 200 กล่อง เพื่อนำไปช่วยเหลือราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม
ที่ โบสถ์ วัดนักบุญดอมินิก ชาวีโอ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชิญสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปมอบแก่ราษฎร บ้านแม่โกปี่ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม ซึ่งประสบอุทกภัย จำนวน 5 ชุด ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ , ผู้ป่วย , ผู้พิการและผู้ทุพพลภาพ ยังความปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ที่หอประชุม ที่ว่าการอำเภอขุนยวม ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะมอบถุงยังชีพพระราชทาน ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ตำบลเมืองปอน ตำบลขุนยวม และตำบลแม่เงา เพื่อเชิญไปมอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอขุนยวม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อน
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ติดตามสถานการณ์ในการแก้ปัญหาการเกิดอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอขุนยวม ซึ่งที่รับความเสียหาย 24 หมู่บ้าน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลแม่ยวมน้อย / ตำบลเมืองปอน / ตำบลขุนยวม และตำบลแม่เงา โดยมีพื้นที่ประสบอุกทกภัยน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ในเขตพื้นที่ บ้านแม่ลาก๊ะ หมูที่ 8 ตำบลแม่ยวมน้อย และ บ้านแม่โกปี่ 2 ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม
ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 13-15 สิงหาคม 2567 ทำให้ราษฎรได้รับผลกระทบ และได้รับความเสียหาย ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอปางมะผ้า อำเภอแม่ลาน้อย และอำเภอขุนยวม รวม 72 หมู่บ้าน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ซึ่งมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน มูลนิธิ องค์กร และจิตอาสาพระราชทาน ได้ให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ