ผกก.สน.บางเสาธง หรือ"ผู้กำกับบอย" นรต.55 คุมโรงพักบางเสาธง เน้นสร้างภาพลักษณ์ตำรวจ-คืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหาย

นายตำรวจหนุ่มชาวใต้ เติบโตมาในสายสืบสวนผู้มีคติประจำใจ "ประชาชนต้องได้รับความเป็นธรรม " คำกล่าวของ "ผู้กำกับบอย" พ.ต.อ.สุนทร มาลาเวช ผกก.สน.บางเสาธง โรงพักติดริมน้ำสัมผัสวิถีชาวบ้านบางเสาธง ใกล้วัด-โรงรียน พัฒนาโรงพัก สวัสดิการอาหารกลางวัน ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ข้าราชการตำรวจ สน.บางเสาธง ตามลำดับ 

พ.ต.อ.สุนทร มาลาเวช ผกก.สน.บางเสาธง พื้นเพ เป็นชาวอ.สิชล จ. นครศรีธรรมราช จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 39 นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 55 หลังจบจากรั้วสามพราน เริ่มทำหน้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ในตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) สน.บางขุนเทียน อยู่ 3 ปี, รองสารวัตรสืบสวน  (รองสว.สส.) บก.น.9 อีก 3 ปี และย้ายไปเป็นรองสารวัตร (รอง สว.) กก.ดส. อีก 2 ปี ก่อนขยับมาเป็นสารวัตรป้องกันปราบปราม (สวป.) สน.หนองแขม 1 ปี ย้ายไปเป็นสารวัตรสืบสวน (สว.สส.) สน.หนองแขม 4 ปี และขยับขึ้นเป็น รองผู้กำกับการสืบสวน (รอง ผกก.สส.) สน.เพชรเกษม 5 ปี ขยับขึ้นเป็น ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองกำกับสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 (ผกก.ฝอ.1 บก.สปพ.) 3 เดือน ย้ายไปเป็นผู้กำกับการ (ผกก.) สน.สมเด็จเจ้าพระยา อีก 8 เดือน  กระทั่งมาเป็นผู้กำกับการ สน.บางเสาธง (ปัจจุบัน)

เรื่องการดูแลสวัสดิการโรงพัก "ผู้กำกับบอย" เริ่มจากปรับปรุงห้องน้ำโรงพัก และสวัสดิการอาหารกลางวัน และทำตามนโยบายผู้บังคับบัญชา

เมื่อถามถึงนโยบายที่กำชับลูกน้อง ผู้กำกับบอย บอกว่า "ตำรวจเรามันมีหน้าที่ในการดูแลประชาชนส่วนหนึ่ง แต่จะเน้นบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แต่ในหน้าที่ของเราจะต้องทำให้ดีก่อน คือ ทั้งงานสอบสวน, งานจราจร, ป้องกันปราบปราม และงานสืบสวน ถือเป็นหน้าที่ของแต่ละคนต้องทำให้ดี 

ตามคติประจำตน คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ก้าวนำเทคโนโลยี หมายความว่าต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมกับทั้งผู้เสียหาย และบังคับใช้กฎหมายกับตัวผู้ต้องหา ต้องไม่โน้มเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สำหรับผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความก็ต้องบรรเทาความเดือดร้อน เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมในทุก ๆ คดีด้วย และคนร้ายก็ต้องรับการลงโทษ รวมถึงกำชับลูกน้องไม่ให้ไปรับงานนอกอื่น ๆ เพราะงานตำรวจเยอะอยู่แล้วอาจทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ 

ผู้กำกับบอย บอกอีกว่า โดยเฉพาะงานสอบสวน ที่ต้องสัมผัสกับประชาชนที่มาแจ้งความ ตนได้เน้นย้ำให้บริการด้วยใจเป็นกลาง ต้องไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นปัญหาของผู้เสียหาย เพราะทั้งผู้เสียหาย และผู้ต้องหาที่ถูกจับ ต่างมีปัญหาเหมือนกัน ฉะนั้นพนักงานสอบสวน เปรียบเสมือน ด่านหน้าโรงพักที่ต้องแบกรับเรื่องอาจเกิดความเครียด ฉะนั้นจึงกำชับให้ทำอย่างเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร ทำตามหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย ไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นปัญหาของเขา หรือเอาปัญหาเขามาเป็นปัญหาของเรา เช่น หน้าที่การสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องผู้ต้องหาก็ทำไป หากถูกใครกดดันก็ขอให้ทำตามหน้าที่หรือติดปัญหาก็มาบอกตนได้ ทำให้พนักงานสอบสวนมีกำลังใจดีขึ้น เมื่อติดปัญหาก็ขึ้นมาปรึกษา นอกจากนี้ตนก็พยายามไม่ให้เป็นปัญหาของลูกน้อง ไม่บี้งาน หรือบังคับใด ๆ แต่จะเน้นการแนะนำ ช่วยเหลือลูกน้อง 

อีกปัญหาที่ตำรวจมักถูกร้องเรียนบ่อยคืองานจราจร ตนได้เน้นย้ำ ว่า ต้องใช้หลักกฎหมายควบคู่กับหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ กรณีที่ชาวบ้านเดือดร้อนจริง ๆ อาจใช้วิธีว่ากล่าวตักเตือนก่อน จากนั้นอาจนำเทคโนโลยี ตามที่ผู้บังคับบัญชาบอก คือแอปขับดี หากมีการกระทำความผิดซ้ำสามารถตรวจสอบได้ ถึงจะบังคับใช้กฎหมาย ในการออกใบสั่ง-เปรียบเทียบปรับ เพื่อให้ประชาชน และตำรวจอยู่ร่วมกันได้ และเกิดมุมมองที่ดีขึ้นด้วย ผู้กำกับบอย กล่าว