วันที่ 16 ส.ค.67  เวลา 16.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นางแสง   อายุ 49 ปี อยู่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านนาเหนือ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ว่า จากเหตุการณ์ที่นายปัญญา  อายุ 57 ปีสามีได้ลงไปเก็บกู้ลอบที่ดักปลาเอาไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ปากน้ำห้วยป่านหน้าบ้านพักตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบึงกาฬ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 5 วันผ่านมา เกิดอุบัติเหตุพลัดตกเรือจมน้ำโขงหายไป ทั้งหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไล หน่วยกู้ภัยร่วมใจบึงกาฬ หน่วยกู้ภัยนทีธรรม อปพร.เทศบาลเมืองบึงกาฬ ตำรวจน้ำและหน่วยนรข.บึงกาฬ ร่วมกันงมหาร่างสามีอยู่ 2 วันก็ไม่เจอ ทั้งจุดดอกไม้ธูปเทียนขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานศาลกล่าวแล้วก็ยังไม่พบร่างจึงได้ยุติการค้นหา และก็ได้แจ้งประกาศคนจมน้ำหากผู้ใดพบเห็นบุคคลหรือร่างที่สวมใส่กางเกงขาสั้นผ้าร่มสีดำและเสื้อยืดสีเทาก็ให้แจ้งด้วย จนถึงเมื่อค่ำวันที่ 14 ผ่านมาจึงได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านน้อยลวงมอง ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ตกจากเรือในเขตอำเภอเมืองบึงกาฬไปประมาณ 130 กิโลเมตร สวมใส่เสื้อผ้าคล้ายสามีตามแจ้ง จึงพาญาติๆ ขับรถตามไปดูก็พบรางสามีจริงๆ  นับว่าไกลพอสมควร 

ทั้งนี้ผู้เฒ่า ท่านหนึ่งที่มาดูการงมหาร่างผู้สูญหาย บอกว่าปกติแล้ววันพระชาวบ้านจะหยุดฆ่าสัตว์หรือลงจับปลาในวันพระวันเจ้า ซึ่งก็ยึดถือเป็นประเพณีมาช้านาน แต่ทราบว่ารายนายปัญญา ได้ปักลอบดักปลาเอาไว้ 3 วันแล้ว เนื่องจากติดธุระไม่ได้ลงไปกู้สักที วันนั้นจึงได้ลงไปดูเรือด้วยเพราะคืนที่ผ่านมามีฝนตกหนักเกรงว่าเรือที่ผูกเอาไว้ริมตลิ่งจะถูกน้ำซัดพัดพาหนีหรือน้ำซัดเข้าเรือจะทำให้เรือจมจึงออกไปดูและกู้ลอบที่ดักปลา 4 หลังเอามาเก็บไว้ด้วย ระหว่างเก็บกู้ลอบนั้นเชือกไนลอนที่มัดลอบไว้คงขาดทำให้เหลือเชือกที่มัดติดลอบและทุ่นที่เป็นแกลลอนน้ำมันเก่าเท่านั่น จังหวะที่เชือกขาดทำให้ผู้ตายเสียหลักตกจากเรือ จมน้ำที่ไหลเชี่ยวไหลวนและลึกเกือบ 3 เมตรหายไปกับกระแสน้ำ

ดังนั้นถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งก็เอาตัวไม่รอด และถูกกระแสน้ำพัดพาร่างไหลไปไกลข้ามจังหวัดไปไกลเกือบ 130 กิเมตรดังกล่าว ญาติจะทำการฌาปนกิจร่างผู้ตายในวันเสาร์ที่ 17 ส.ค.พรุ่งนี้ที่วัดภูกระแตหรือวัดสามัคคีอุปถัมภ์ บึงกาฬ