PRINC ผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพในนามเครือ ‘พริ้นซิเพิล เฮลแคร์’ แจ้งผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (14 ส.ค.) ระบุบริษัทได้ดำเนินการขายสินทรัพย์ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวมประมาณ 5,942 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงแรม 2 แห่งและอาคารสำนักงาน เบื้องต้นจะสามารถบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาบางส่วนหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 รายได้จากการให้บริการทางการแพทย์อยู่ที่ 1,308.3 ล้านบาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (QoQ) เพิ่มขึ้น 163.4 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 14.3 ขณะทีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 77.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210 ล้านบาท ผลจากการที่บริษัทมีความสามารถในการสร้างรายได้และการบริหารต้นทุนทางตรงที่ดีขึ้น ทำให้ภาพรวมครึ่งปี 2567 รายได้จากการให้บริการทางการแพทย์อยู่ที่ 2,686.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 473.0 ล้านบาท คิดเป็นเติบโตร้อยละ 21.4 ผลจากการดำเนินงานของธุรกิจรพ. และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการแพทย์เติบโตต่อเนื่อง จากแผนการขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดและพัฒนาศักยภาพในการรักษากลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อนในรพ.ในเครืออย่างต่อเนื่อง                

นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ และรองประธานคณะกรรมการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า ภายหลังการขายสินทรัพย์เสร็จสิ้น ทาง PRINC จะนำเงินที่ได้บางส่วนไปชำระเงินคืนเงินกู้ของสถาบันการเงิน และทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงราวร้อยละ 50 คิดเป็นจำนวนประมาณ 160 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ D/E Ratio ลดลง จากเดิม 0.96 เท่าเหลือต่ำกว่า 0.6 เท่า พร้อมสำหรับการขยายการลงทุนเพิ่มเติม ต่อเนื่องทั้งยังเป็นการเสริมสภาพคล่องส่วนเกินที่แข็งแกร่งเพียงพอ รองรับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยผลของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงจะเริ่ม อย่างเต็มที่ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันเม็ดเงินส่วนที่เหลือบริษัทมีแผนลงทุนขยายธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลและ ธุรกิจเฮลแคร์ ไม่ว่าจะเป็น การแสวงหาการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลตามเป้าหมายที่ 20 แห่งจากปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 18 แห่งใน 14 จังหวัด มุ่งขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคยากซับซ้อนเช่น ศูนย์รักษาโรคมะเร็ง (Cancer Center) ศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart Center) รวมถึงการลงทุนในธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุ (Eldercare), คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก (IVF) ฯลฯ

“ถึงแม้ว่า PRINC จะขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่โรงแรมและอาคารสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ของรายได้ทั้งหมด แต่ประเมินว่าการขยายธุรกิจโรงพยาบาลและการรับรู้รายได้โรงพยาบาล เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 แห่งประกอบด้วยโรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล โรงพยาบาลราชสีมา ฮอสพิทอลและโรงพยาบาลพิษณุโลก ฮอสพิทอล จำนวนเตียงรวม 145 เตียง จากบริษัท มาย ฮอสพิทอล จำกัด (MY HOSPITAL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของบริษัท เอเวอร์แลนด์จำกัด (มหาชน) หรือ EVER มูลค่าลงทุน 700 ล้านบาท คาดจบดีลและรับรู้รายได้ในปีนี้จะชดเชยรายได้จากธุรกิจอสังหาที่ลดลงไป ทำให้ PRINC ยังคงเป้าหมายการเติบโตตามแผน 10 ถึง 15% ในระยะ 5 ถึง 10 ปีนับจากนี้

ขณะที่แนวโน้มผลงานในไตรมาส 3/2567 คาดจะได้เห็นการเติบโตอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 จากการรับรู้รายได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ ธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน และธุรกิจเฮลแคร์ ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และผลจากการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลส่งผลต่อการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเชื่อมโยงการรักษาส่งต่อโรคยากซับซ้อน, การขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงการขยายฐานผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในรูปแบบ Drive-in ทั้งสปป.ลาว, กัมพูชา, เมียนมาร์ ฯลฯ ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง”, นพ.กฤตวิทย์กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ปัจจุบันมีรพ.ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ มี 18 แห่ง ใน 14 จังหวัด ได้แก่ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, รพ.พริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1, รพ.พริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2, รพ.พริ้นซ์ อุทัยธานี, รพ.พริ้นซ์ ศรีสะเกษ, รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี, รพ.พริ้นซ์ ลำพูน, รพ.ศิริเวช ลำพูน, รพ.พิษณุเวช พิษณุโลก, รพ.พิษณุเวช พิจิตร, รพ.พิษณุเวช อุตรดิตถ์, รพ.วิรัชศิลป์, รพ.พริ้นซ์ สกลนคร, รพ.รวมแพทย์ พิษณุโลก, พริ้นซ์ มุกดาหาร และอยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการรพ. 3 แห่ง ที่จ.เชียงใหม่, จ.นครราชสีมาและ จ.พิษณุโลก และยังคงเป้าขยายรพ. รวม 20 แห่งในระยะ 1-2 ปีนับจากนี้