กรมชลประทาน เตรียมทุ่มงบ 17,000 ล้าน ปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ใน 9 อำเภอ และจ่ายน้ำทำการเกษตรทั่วถึง

วันที่ 16 ส.ค. 2567 ที่เขือนแม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี คณะศึกษาโครงการปรับปรุงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อหารือ เนื่องจากกรมชลประทาน เตรียมทุ่มงบ 17,000 ล้านบาท ในการดำเนินการปรับปรุงทั้งระบบในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี ได้แก่ หัวงานเขื่อนปัตตานี อ่างเก็บน้ำ อาคารระบายน้ำล้นฉุกเฉิน คลองระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ คลองส่งน้ำชลประทาน ระบบกระจายน้ำ และอาคารประกอบต่างๆ การบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการส่งน้ำ และการระบายน้ำ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนในช่วงน้ำท่วม และปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง และปัญหาอื่นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น  โดยได้ดำเนินการ ทั้งหมด 9 อำเภอของ จ.ปัตตานี ประกอบด้วย อ.เมือง อ.โคกโพธิ์ อ.แม่ลาน อ.หนองจิก อ.ปะนาเระ อ.มายอ อ.ยะหริ่ง อ.ยะรัง และจ.ยะลา อ.เมืองยะลา โดยมีทั้ง89 ตำบล มีพื้นที่ 691,820 ไร่ และพื้นที่ชลประทาน385,622 ไร่

เดิมทีกรมชลประทานเริ่มก่อสร้างโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี ในปี พ.ศ. 2511 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2537 เป็นโครงการชลประทานขนาดใหญ่ประเภททดน้ำและส่งน้ำพร้อมทั้งระบายน้ำ แต่เนื่องด้วยการใช้งานมาเป็นเวลานาน จึงเริ่มเสื่อมสภาพลง ในปี2544-2546 ส่งผลให้เกิดปัญหา และเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย

1.ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง

2.ปัญหาการแพร่กระจายน้ำ เนื่องจากคลองส่งน้ำ คูส่งน้ำ มีสภาพชำรุดทรุดโทรม บางส่วนเป็นคลองดิน

3.ปัญหาการระบายน้ำและน้ำท่วม เพราะคลองระบายน้ำมีศักยภาพไม่เพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้

4.ระบบชลประทานและอาคารชลประทานก่อสร้างมาเป็นเวลานาน มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ไม่ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน และมีการสูญเสียน้ำมาก

5.ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำพื้นที่การเกษตรบริเวณชายฝั่งทะเลของพื้นที่โครงการ และ 6.อัตรากำลังไม่เพียงพอที่จะดูแลและบำรุงรักษาอาคารต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ

จากข้อมูลเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่จังหวัดปัตตานีเกิดน้ำท่วม ตั้งแต่ พ.ศ. 2510 2518 2531 2536 2542 2543 2548 2551 2552 2555 2560 2563 2564  2565 และ2566 พบว่าช่วง 10 ปีที่ย้อนหลัง เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เฉลี่ย ปีละ 1-2 ครั้งต่อปี หรือมากกว่า 8 ครั้ง ในรอบ 14 ปี และเกิดน้ำท่วมหนักขึ้นทุกๆปี  

โดยเฉพาะเส้นทางน้ำจากเขือนแม่ลาน ที่น้ำหลากลงไปสู่แม่น้ำในตัวเทศบาลเมืองปัตตานี ส่งผลให้น้ำหลากได้เข้าท่วม และขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเส้นทางน้ำ D 2(เส้นสีชมพู) และD8 (เส้นที่ส้ม) น้ำได้เออล้นตลิ่งขยายเข้าท่วมบ้านเรือนมากขึ้นทุกปี

สำหรับการปรับปรุงของโครงการนี้ โดยหลักๆแล้วประกอบด้วย การเพิ่มความจุของอ่างเก็บน้ำในเขือนแม่ลาน โดยการเสริมเส้นทางระบายน้ำ หรือspillway จากระดับ 12.75 เมตร จะเพิ่มสูงขึ้น 30 ซม.เป็นระดับ 13.05 เมตร  และจะทำการขุดลอกอ่างเก็บน้ำลึกลงไปอีก 1 เมตร จะทำให้ระดับพื้นที่ขุดลอกประมาน 11.75 เมตร ทำให้มีปริมานกักเก็บน้ำเพิ่มอีก 7.6 ลบ. ซึ่งปัจจุบันความจุอ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกัก 8.30 ลบ. และเมื่อหากเสริมspillway และขุดลอก สามารถจุอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น เป็น 8.5 ลบ.

และเส้นทางน้ำ D 2(เส้นสีชมพู) ระยะทาง 26 กม. จากเดิมความกว้าง 50 เมตร จะมีการขุดขยายเป็น 100 เมตร เพื่อเพิ่มความจุของน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล และเสริมคอนกรีนเหล็กสีเหลียมผืนผ้า ขณะที่เส้นทางน้ำ D8 (เส้นสีส้ม)ก็จะมีการเสริมคอนกรีนเหล็กสีเหลียมผืนผ้าเช่นเดียวกัน ซึ่งยังจะมีกรปรับปรุงอีกหลายจุด ทั้งการขยายประตูระบายน้ำ การขุดลอก การเสริมคอนกรีนตามเส้นทางน้ำต่างๆด้วย

นอกจากนี้ จะมีการขยายพื้นที่ชลประทาน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงน้ำได้ง่ายยิ่งขึ้นในการทำเกษตรกรรม เนื่องจากปัจจุบัน พบว่า มีการทำเกษตรกรรมและมีความต้องการน้ำชลประทานมากขึ้น ในเขตพื้นที่ อ.ยะรัง และ อ.ยะหริ่ง  โดยปัจจุบันมีพื้นที่ชลประทาน385,622 ไร่ และมีแนวคิดจะขยายพื้นที่ชลประทาน ประมาน 50,000 ไร่ เมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จ พื้นที่ชลประมานจะเพิ่มขึ้นเป็น 436,622 ไร่

อย่างไรก็ตาม หากโครงการแล้วเสร็จ จะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผลโยชน์ทางการเกษตร ผลประโยชน์ด้านการใช้น้ำอุปโภคบริโภค ผลประโยชน์ด้านการบรรเทาอุทกภัยน้ำท่วม จาก 129,131 ไร่ ลดลงเหลือ 65,219ไร่  รวมไปถึง ผลประโยชน์ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างแหล่งสันทนาการ และสร้างสถานที่ผักผ่อนหย่อนใจของชุมชน

 

ล่าสุด ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี กรมชลประทาน ได้มีการปัจฉิมนิเทศโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี  เพื่อนำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมในการปรับปรุงโครงการทั้งระบบ โดยได้เชิญ มีผู้เกี่ยวข้องกับโครงการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น ประชาชน เข้าร่วมชี้แจ้งทำคามเข้าใจ หารือผลดำเนินการ ร่วมถึงให้ประชาชนเสนอความคิดเห็น และเสนอปัญหาต่างเพื่อแก้ปัญหาอย่างประสิทธิภาพ

โดยที่ผ่านมาด้านกรมชลประทาน มีการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี โดยได้เริ่มศึกษาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.66 - 29 ส.ค. 67 และลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนเพื่อหวังประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่ ก่อนเริ่มดำเนินการทั้งระบบ

นายไพรัตน์ วีรุตมเสน ผู้จัดการโครงการ เปิดเผยว่า ด้านที่1 จะมีการปรับปรุงด้านอุทกภัย เดิมทีระบบระบายน้ำที่มีอยู่ มีศักยภาพไม่เกิน 600 ลบ.ต่อวินาที ครั้งนี้จะปรับปรุงให้สามารถระบายมากกว่า 1280 ลบ. ด้านที่2 จะมีการปรับปรุงซ่อมแซม คลองส่งน้ำ คลองระบายน้ำ ระบบชลประทาน ร่วมถึงอาคารประกอบ ซึ่งได้ก่อสร้างมานานแล้ว มีสภาพชำรุด อายุ40-50ปี ด้านที่3 ปรับปรุงให้สามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ประมาน 50,000ไร่ ด้านที่4 จะมีการปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพกับกลุ่มผู้ใช้น้ำให้มีความเข้มแข็ง และเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น ด้านที่5 จะมีการปรับปรุงโดยการใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการชลประทานในการบริหารจัดการน้ำ

นายไพรัตน์ วีรุตมเสน ผู้จัดการโครงการ เปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับ คือการลดความเสียหายของปัญหาอุทกภัย การเพิ่มมูลค่าผลผลิตด้านการเกษตร ลดความเสียงเรื่องน้ำเค็มรุกล้ำเพราะมีการสร้างประตูระบายน้ำกั้นบริเวณปลายคลอง การเพิ่มแลนมาร์คให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว การสร้างเขือนกั้น2ฝั่งแม่น้ำ และมีพื้นที่ว่างในการปรับภูมิทัศ ซึ่งหน่วยงานท่องถิ่น สามารถเข้ามาทำประโยชน์ส่วนนี้ได้

 

นายไพรัตน์ วีรุตมเสน ผู้จัดการโครงการ เปิดเผยตอนท้ายว่า ในการของบประมานมีทั่วประเทศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรงบประมานเพื่อจะพัฒนาปรับปรุงโครงการต่างๆ แต่เมื่อเรามีผลการศึกษาโครงการก็จะได้รับพิจารณากรณีพิเศษ เพราะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน มีผลกระศึกษาชัดเจน หลังจากที่เราสำรวจและออกแบบแล้ว กรมก็อาจจะพิจารณาจัดสรรงบประมานเป็นงบประมานต่อเนื่อง 3ปี 5ปี คือระสั้น ระยะกลาง และระยะยาวคาดว่าภายใน 5-10 ปีก็จะแล้วเสร็จ

 

นายนิล คงคูณเพิ่ม ประชาชน ได้กล่าวในการประชุมและเสนอแนะให้กับทางกรมชลฯ ว่า การสร้างเขือนนั้นจะต้องมีการดูแล เพราะชิ้นส่วนบางอย่างที่เป็นเหล็กมักมีคนเข้ามาขโมยบ่องมาก ส่วนฤดูน้ำหลาก ซึ่งน้ำลงมาจากภูเขา และได้เข้าท่วมบ้านเรือน แต่กลับไม่มีช่องระบายน้ำไหล่ลงสู่แม่น้ำ เพราะว่ามีเขือนกันคลอง2ฝั่งขวางทางน้ำไว้ ก็อย่างให้มีการสร้างสะพานน้ำ หรือที่ระบายน้ำที่จะไหล่ลงสู่แม่น้ำได้คล่องตัว