นปพ.ร่วม นราธิวาส เข้าบังคับใช้กฎหมาย ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 คน พร้อมอาวุธปืน M.16 และยึดวัตถุพยานอีกหลายรายการ 

หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดนราธิวาส ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด จ่าสิบเอก เจริญ  เพ็ชรภิมล เจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่บ้านไอร์บือตง (บ้านย่อย บ้านตืองอ) หมู่ที่ 3 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พบผู้ต้องสงสัย จำนวน 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายอับดุลเลาะห์ ตาเห จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบ้านพักของ นายอับดุลเลาะห์ฯ ตรวจพบอาวุธปืนสงคราม M16 A1 จำนวน 1 กระบอก ถูกคลุมด้วยถุงพลาสติกใสอยู่ในเตาเผาถ่านบริเวณหลังบ้าน และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบ้านบริเวณโดยรอบ จำนวน 2 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 316 หมู่ที่ 3 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พบ นางสาวฟารีคะ แวนาแว เกี่ยวข้องเป็นภรรยาของ นายอับดุลเลาะห์ฯ แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน และนำการตรวจค้น จากการตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดวัตถุพยาน จำนวน 12 รายการ และจุดที่ 2 บ้านเลขที่ 329 หมู่ที่ 3 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พบ นางสาว ปัทมา ยูโซะ แสดงตนเป็นเจ้าของบ้านและนำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตรวจยึดวัตถุพยาน จำนวน 3 รายการ 

สำหรับในขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจแก่ครอบครัวและญาติของผู้สงสัยให้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป 

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ