เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 16 ส.ค.67 ที่อาคารรัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงมติพรรคว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คือพรรคประชาธิปัตย์จะงดออกเสียงทั้ง 25 เสียง ซึ่งทุกคนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน และมั่นใจว่าจะไม่มีใครแตกแถว ส่วนตัวคิดว่าการแสดงออกสะท้อนความเป็นเอกภาพ ความสามัคคี จะเป็นการเรียกความศรัทธาของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย อีกทั้งวันนี้ต้องยอมรับว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีมีการเสนอเพียงคนเดียว ดังนั้นการงดออกเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนตัวคิดว่าเป็นมติที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ประเทศต้องเดินต่อไป ในเมื่อไม่มีคู่แข่งขัน จะไปโหวตสวนอย่างอื่นเลยก็ดูไม่ดี จึงเป็นที่มาของการงดออกเสียง

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงใช้วิธีงดออกเสียง ไม่ใช้การโหวตสวนมติคือไม่เห็นด้วย นายชัยชนะกล่าวว่า การงดออกเสียงคือการแสดงจุดยืนทางหนึ่งในการแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย เพราะต้องยอมรับว่าการเสนอชื่อเพียงคนเดียว และเราไปโหวตไม่เห็นด้วยมันเป็นไปไม่ได้ ในสมัยที่มีการโหวตชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประชาธิปัตย์ก็โหวตงดออกเสียงเช่นกัน

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีอายุเพียง 37 ปียังไม่ครบ 38 ปีมาเป็นผู้นำทัพ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าทุกคนที่มีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 หรือมาตรา 160 น.ส.แพทองธาร มีคุณสมบัติครบ อายุเกิน 35 ปี เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยตามกฏหมาย ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ที่สังคมไทยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาวเข้ามาบริหารประเทศ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่พรรคเพื่อไทยกล้านำเสนอ 

เมื่อถามว่า มองว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบิดา จะมีบทบาทกับ น.ส.แพทองธาร หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนายทักษิณ แต่การแถลงจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 15 ส.ค. น.ส.แพทองธาร ก็แถลงร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเองและไม่มีนายทักษิณ เมื่อถามว่า จะมีปัญหาอะไรหรือไม่เพราะตั้งแต่วันแรก แม้นายทักษิณจะเป็นสมาชิกพรรค แต่ก็มีการนัดพรรคร่วมรัฐบาลไปพูดคุยกันถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ขณะ น.สแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคไม่ได้อยู่ด้วย นายชัยชนะ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดูข้อกฎหมาย ตนตอบแทนไม่ได้ ก็ต้องรู้ว่าหลังจากนี้จะมีการดำเนินการกันอย่างไรบ้าง เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะมีคนไปถามองค์กรที่สามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  สำหรับการวางแผนทำงานต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์จากนี้ เมื่อได้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว ก็ต้องดูว่าการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีอะไร เราก็ต้องมาดูว่าเรื่องใดที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศเป็นนโยบาย แล้วไม่มีอยู่ในนโยบายเราก็ต้องสอบถาม ที่สำคัญเราต้องทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างเข้มแข็ง

เมื่อถามว่า จะตัดสินใจอย่างไรหากมีการเชิญเข้าร่วมรัฐบาล นายชัยชนะกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา ขณะนี้ยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ และยังไม่เคยมีการทาบทามอะไร