สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศโดยมิทรงย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก แม้หนทางจะทุรกันดารเพียงใด หวังเพียงให้พสกนิกรชาวไทยได้มีอาชีพ มีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวและพึ่งพาตัวเองได้ ทรงนำงานศิลปะพื้นบ้านและงานหัตถศิลป์อันงดงามหลากหลายซึ่งเป็นฝีมือชาวบ้านมาส่งเสริมให้เป็นอาชีพ จนเกิดโครงการศิลปาชีพที่ช่วยให้ราษฎรมีอาชีพมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมายมาจวบจนปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังทรงให้ความสำคัญกับปัญหาด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ แนวพระราชดำริให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างพึ่งพาเกื้อกูลกัน สะท้อนให้เห็นถึงพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการรักษาป่าไม้เพื่อส่งต่อให้แก่ลูกหลานไทย จึงเป็นที่มาของโครงการป่ารักน้ำ ที่ทรงริเริ่มตั้งแต่ปี 2525 โดยมีพระราชดำริ ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำคำจวงบ้านถ้ำติ้ว ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร พร้อมกับพระราชทานเงินของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพและเงินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อจัดตั้งกองทุนอาชีพสำหรับโครงการป่ารักน้ำ และขยายโครงการไปยังพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์ผืนป่าให้คงความสมบูรณ์
ต่อมาในปี 2543 เกิดโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ขึ้นแห่งแรกที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ และขยายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ รวม 18 แห่ง ประกอบด้วยพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 8 แห่ง จ.เชียงราย 4 แห่ง จ.น่าน 3 แห่ง และอีก 3 แห่ง ได้แก่ จ.พิษณุโลก พะเยา และจ.กำแพงเพชร มุ่งเน้นการทำแปลงสาธิตด้านการเกษตรเพื่อแก้ปัญหาการขาดความรู้ทางการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่สูงของราษฎร ทรงส่งเสริมให้ปลูกพืชเมืองหนาวที่ใช้พื้นที่น้อยแต่ได้ประโยชน์สูงสุด ลดการใช้สารเคมี พร้อมกับฟื้นฟูสภาพป่าเพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำที่จะสร้างแหล่งอาหารให้ราษฎร ในขณะเดียวกันก็ให้ปลูกฝังความรู้เห็นความสำคัญของป่าไม้ ไม่ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อให้ป่าคงความอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันราษฎรในพื้นที่โครงการสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง และพัฒนาต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์นำรายได้สู่ชุมชนเพิ่มเติมอีกด้วย
โครงฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ เป็นอีกโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาความยากลำบากของราษฎรซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยชนเผ่า จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง "ฟาร์มตัวอย่าง" ขึ้น สำหรับเป็นแหล่งจ้างงานและฝึกอาชีพด้านการเกษตรที่ถูกต้องโดยจัดตั้งขึ้นแห่งแรกที่บ้านขุนแตะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์พื้นเมืองชนิดต่าง ๆ ปลูกพืชผักเมืองหนาวที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้เพื่อให้ราษฎรมีแหล่งอาหารโปรตีน และขยายโครงการไปทุกภาคของประเทศกว่า 56 แห่ง อาทิ บ้านแม่ตุงติง อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ บ้านแม่ต๋ำ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง บ้านหนองหมากเฒ่า อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร บ้านโคกปาฆาบือซา อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส บ้านทุ่งคลองชีพ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ฟาร์มทะเลตัวอย่าง ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี และฟาร์มตัวอย่างบ้านบ่อหวี ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เป็นต้น
โครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่พระราชทานไว้นั้นเป็นต้นแบบของของการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขยายผลในการดำเนินงานภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ พระเมตตาที่เอื้อต่อราษฎรทุกหมู่เหล่า โครงการต่างๆ ได้นำพาความผาสุกร่มเย็นไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศในทุกวันนี้และสืบไป