ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ และ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พ.ต.ต.จอมพฤทธิ์ แก้วเรือง สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.ท.วุฒิพงษ์ สุพรรณชนะบุรี, ร.ต.ท.ภูธร ทองทวี รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรสวจ กก.6 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม น.ส.บุญญิสาฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 1. ศาลอาญาที่ 548/2567 ลง 9 ก.พ. 2567 ในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน การเอาคนลงเป็นทาสหรือมีลักษณะคล้ายทาส และการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และผู้สมคบคนหนึ่งคนใดได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การเอาคนลงเป็นทาสหรือมีลักษณะคล้ายทาส และการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขื่นใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น , ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร” 2. ศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.36/256๕ ลง 21 ม.ค. 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” สถานที่จับกุม ละแวกซอยนวลจันทร์ 20 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากประมาณต้นปี พ.ศ.2565 นายโจ้ (นามสมมติ) เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ถูกชักชวนให้ไปทำงานที่บ่อนคาสิโนที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งภายหลังเมื่อเหยื่อเดินทางไปทำงานแล้ว เหยื่อได้ถูกบังคับให้เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ หลอกผู้อื่นผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ให้ร่วมลงทุน โดยขบวนการดังกล่าวจะมีชาวต่างชาติเป็นหัวหน้าคอยควบคุมสั่งการ ซึ่งในระหว่างที่ทำงานเหยื่อจะไร้ซึ่งอิสรภาพและถูกบังคับให้ทำงาน โดยมีทั้งชาวไทยและเวียดนามถูกบังคับให้ทำงาน อีกทั้งหากใครไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย ก็จะถูกให้อดอาหาร ไปจนถึงทำร้ายร่างกาย ซึ่งภายหลังเมื่อเหยื่อขอเดินทางกลับประเทศไทย จะมีหัวหน้าคุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ชาวไทย เรียกเก็บเงิน เหยื่อจึงได้ขอให้ทางบ้านหาเงินมาจ่ายให้ จนสามารถกลับประเทศไทยได้ในที่สุด
จากนั้นเหยื่อจึงได้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยืนยันตัวบุคคลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ซึ่งพบว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีการแบ่งหน้าที่กันหลอกลวงกันเป็นขบวนการ เริ่มจากการฝึกสอนการหลอกลวง มีฝ่ายไอทีทำระบบหลอกลวง ฝ่ายคอยควบคุมดูแลพนักงานคอลเซ็นเตอร์ และมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยส่วนหนึ่งที่สมัครใจไปทำงาน
ทั้งนี้ภายหลังทางกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งรับผิดชอบคดีนี้ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นมี น.ส.บุญญิสาฯ เป็นผู้ร่วมขบวนการ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน
กระทั่งล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้ติดตามจับกุม น.ส.บุญญิสาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับภายหลังจากที่ผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย จากนั้นจึงได้นำตัวส่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ตำรวจสวบสวนกลาง (CIB) เตือนภัยพี่น้องประชาชน ในการไปทำงานต่างประเทศ ให้ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เพราะอาจจะถูกหลอกลวง บังคับให้ทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำมาซึ่งการถูกกักขัง บังคับขู่เข็ญ ไร้ซึ่งอิสรภาพ ต้องจำยอมทำตามคำสั่งในการหลอกลวงประชาชน ตกเป็นผู้เกี่ยวกับข้องกับการกระทำความผิด อันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หากท่านต้องการความช่วยเหลือ หรือประสงค์แจ้งข้อมูล สามารถติดต่อมาที่ตำรวจสอบสวนกลางเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป