คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
สัปดาห์นี้ “รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส” และคู่หูคนใหม่ “ผู้ว่าฯ ทิม วอลซ์” มุ่งหน้าวิ่งรอกตระเวนหาเสียงใน 5 รัฐ โดยเริ่มต้นที่รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันอังคาร และสิ้นสุดลงในวันเสาร์ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา
เมื่อวันอังคารที่แล้วขณะที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ขึ้นกล่าวแนะนำตัวผู้ว่าฯทิม วอลซ์ แห่งรัฐมินนิโซตา ที่ถือเป็นการปรากฎตัวในการเป็นคู่หูด้วยกันครั้งแรกที่รัฐเพนซินเวเนีย สัมผัสได้เลยว่า ผู้ว่าฯท่านนี้ติดดินเป็นคนอเมริกันที่แสนจะธรรมดาๆ!!!
จากการเปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงินโดยเฉลี่ยปรากฏให้เห็นว่า ผู้ว่าฯท่านนี้มิได้ครอบครองทรัพย์สินมากมาย มิได้ถือหุ้นและพันธบัตร เพราะฉะนั้นในเรื่องทรัพย์สินของผู้ว่าฯทิม วอลซ์จึงไม่มีการถกเถียงกันเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ผู้ว่าฯทิม วอลซ์ จะไม่เป็นที่รู้จักคุ้นหูคุ้นตาของชาวอเมริกันเท่าใดนัก แต่เขากลับกลายเป็นม้ามืดแซงขึ้นหน้าม้าตีนต้นตัวเก็งอย่าง “ผู้ว่าฯ จอช ชาพิโร” แห่งรัฐเพนซิลเวเนีย และ“วุฒิสมาชิกมาร์ก เคลลี” จากรัฐแอริโซนา
ส่วนชีวประวัติของผู้ว่าฯ วอลซ์ ที่ผ่านมานั้น เขาเกษียณอายุราชการในขณะที่มียศจ่าสิบเอก ก่อนที่จะตัดสินใจยึดอาชีพเป็นครูผู้สอนในระดับมัธยมศึกษา พ่วงกับการเป็นโค้ชกีฬาฟุตบอล และที่ผ่านมาผู้ว่าฯวอลซ์ ยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนฯถึงหกสมัย และล่าสุดยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯรัฐมินนิโซตาสองสมัย!!
ผมได้ติดตามทั้งรับชมและรับฟังการกล่าวปราศรัยของคู่หูคู่ใหม่ทั้งของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และผู้ว่าฯ ทิม วอลซ์ ถึงห้าวาระด้วยกัน เริ่มต้น ณ รัฐเพนซิลเวเนีย แถบตะวันออกของสหรัฐฯ ถัดไปที่รัฐวิสคอนซิน และเมื่อวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2024 ที่รัฐมิชิแกน ทางแถบตอนเหนือของสหรัฐฯ และในวันศุกร์ที่รัฐแอริโซนา ส่วนรัฐสุดท้ายที่รัฐเนวาดา ณ เมืองลาสเวกัส
การวิ่งรอกหาเสียงในห้ารัฐของทั้งสองนักการเมืองครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นสมรภูมิที่มีความสำคัญที่สุดอย่างที่ไม่สามารถจะพ่ายแพ้ได้เลย เพราะทั้งห้ารัฐถือเป็นคะแนน “Electoral Votes” มากถึง 61% ขณะที่นักการเมืองสองคู่หูนี้กล่าวคำปราศรัยหาเสียงด้วยกัน นับได้ว่าเขาทั้งสองทำการบ้านมาอย่างดี เพราะเป็นการวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด แถมยังพกพาด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความครึกครื้นตื่นเต้น
จากผลการหยั่งเสียงของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ครั้งล่าสุดนี้ปรากฏว่า ทีมของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส กับผู้ว่าฯ ทิม วอลซ์ กำลังมีคะแนนเสียงนำหน้า “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ไปแล้วในแทบทุกรัฐ
และทุกๆวาระที่ผมได้รับฟังการปราศรัยของทั้งสองนักการเมืองคู่หู แห่งพรรคเดโมแครต นับว่าผมได้รับความเพลิดเพลิน เพราะทั้งสองต่างก็เป็นนักการเมืองที่พูดจาปราศรัยแบบซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา น่ารับฟัง น่าเชื่อถือ และสามารถสัมผัสได้ว่า เขาทั้งสองต่างก็มีความตั้งใจต้องการที่จะรับใช้ประชาชนอย่างมุ่งมั่น
โดยทุกๆวันหลังจากที่ทั้งสองนักการเมืองไปกล่าวปราศรัยที่รัฐใดก็ตามที ผมก็มักจะติดตามผลสำรวจของสำนักหยั่งเสียงต่างๆ ซึ่งปรากฏให้เห็นว่าคะแนนนิยมของทั้งสองพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างแทบไม่น่าเชื่อ
อีกทั้งชาวอเมริกันต่างก็มีความตื่นเต้นต่อรองประธานาธิบดีแฮร์ริส และผู้ว่าฯทิม วอลซ์ อย่างเห็นได้ชัด อาจจะสืบเนื่องมาพวกเขาใช้วลีกล่าวคำปราศรัยแบบเรียบง่าย แต่ดูแล้วเฉลียวฉลาด แถมทั้งคู่ยังเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
และในเวลาเดียวกันทั้งสองนักการเมืองนี้ได้สร้างโมเมนตัม ที่ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดความนิยมของชาวอเมริกันอย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก
จากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สร่วมกับ “Siena College” ระหว่างวันที่ 5 และ 9 สิงหาคม 2024 เปิดเผยออกมาว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริส มีคะแนนนิยมนำหน้าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้ว 4% นั่นก็คือ 50% ต่อ 46% และเมื่อวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2024 โพลของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ร่วมกับ Siena College ได้เปิดเผยอีกเช่นกันว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริส ได้รับคะแนนนิยมนำประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้วในสามรัฐสวิงอันได้แก่ รัฐเพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน และรัฐมิชิแกน โดยเธอมีคะแนนนำหน้าไปถึงรัฐละ 4% (ข้อมูลจาก New York Times/Siena College เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2024)
และจากการหยั่งเสียงของ “Fox10 Phoenix” ของรัฐแอริโซนา เมื่อวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม ก็เปิดเผยออกมาว่า คะแนนนิยมของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส นำหน้าประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 44.4% ต่อ 41.6%
ส่วน “เนท ซิลเวอร์”นักสถิติขั้นเทพชั้นเซียนเจ้าของสำนักหยั่งเสียง “เนท ซิลเวอร์ บูเลทติน” (Nate Silver Bulletin) ที่เป็นสำนักหยั่งเสียงที่ได้รับความน่าเชื่อถือจากคนอเมริกันเป็นอย่างดีได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการเดินทางวิ่งรอกหาเสียงทั้งห้ารัฐ โดยเฉลี่ยแล้วรองประธานาธิบดีแฮร์ริส กำลังมีคะแนนนิยมนำหน้าประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ที่ 2.5%
และจะเห็นได้ว่าในแต่ละรัฐที่ทั้งสองนักการเมืองเดินทางไปหาเสียง จะมีผู้เดินทางไปร่วมรับฟังหลายๆหมื่นคน ยกตัวอย่างอาทิ ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ที่สามารถดึงดูดผู้เข้าไปฟังได้อย่างล้นหลาม
โดยทั้งสองต่างก็มีการปราศรัยไปในทิศทางเดียวกัน ที่ต่างเสนอแนวทางด้านต้องการที่จะแก้ไปปัญหาต่างๆที่สหรัฐฯกำลังเผชิญอยู่ แถมท้ายด้วยการกล่าวเหน็บแนมอดีตประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานว่า “เป็นนักการเมืองประหลาดๆ (Weird) แบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน” ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างเกรียวกราว
อีกทั้งกระแสสนับสนุนทางด้านเม็ดเงินก็ยังปรากฏว่า ไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย เช่น สองสัปดาห์แรกที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส เข้ารับเป็นทายาททางการเมืองแทนที่ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ปรากฏให้เห็นถึงเม็ดเงินบริจาคที่บรรดาฐานเสียงต้องการจะสนับสนุนเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาล แถมยังมีเยาวชนรุ่นใหม่ไฟแรงเสนอตัวต้องการที่จะเข้าไปเป็นอาสาสมัครช่วยหาเสียงอีกหลายแสนคนทั่วทั้งสหรัฐฯ
เพียงแค่สองสัปดาห์เท่านั้น ปรากฏว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริส ได้รับเงินบริจาคแบบถล่มทลายถึง 310 ล้านดอลลาร์ อีกทั้ง“ซิลิคอนวัลเลย์” ซึ่งเป็นวงการธุรกิจยักษ์ใหญ่ศูนย์กลางแห่งโลกเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรม โดยมีแกนนำระดับมหาเศรษฐี “มาร์ก คิวแบน” และ “รีด ฮอร์ฟแมน” ประกาศตัวว่าจะเร่งระดมเงินบริจาคครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่สองนักการเมือง ในวันที่ 27 สิงหาคม 2024 ที่กรุงวอชิงตัน โดยจะขายบัตรเริ่มต้นใบละ 500.00 ดอลลาร์
ทั้งนี้ความสำเร็จของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสและผู้ว่าฯทิม วอลซ์ เกิดขึ้นได้จากการวางแผนกลยุทธ์ที่ใช้หาเสียงแบบมืออาชีพ ที่มีความชาญฉลาดแบบแยบยล ส่วนทีมงานของพวกเขาส่วนหนึ่งมาจากทีมงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนผสมผสานกับทีมงานของ “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” ที่พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการหาเสียงมาแล้วอย่างโชกโชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เดวิด พลูฟฟ์” อดีตที่ปรึกษาอาวุโสมันสมองหาเสียงที่มีส่วนช่วยให้อดีตประธานาธิบดีโอบามา สามารถชนะการเลือกตั้งถึงสองสมัย!!!
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นความสำเร็จในการวิ่งรอกหาเสียงในห้ารัฐ ที่ถือเป็นสมรภูมิที่มีความสำคัญที่สุด มีผลทำให้ “รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส” และ “ผู้ว่าฯ ทิม วอลซ์” ได้รับใจของชาวอเมริกันหลายหมื่นคนมาครอบครอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ สามารถทำให้คะแนนนิยมของเขาทั้งคู่แซงขึ้นหน้า “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์” ไปเรียบร้อยแล้ว และคงจะมีการต่อยอดต่อไปอีกในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ระหว่างวันที่ 19 ถึง 22 สิงหาคม 2024 ซึ่งในการประชุมก็จะมี
“ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” และศรีภรรยา “มิเชล โอบามา” แถมตามติดมาด้วย “อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน”และ “ฮิลลารี คลินตัน”ร่วมกันกล่าวคำปราศรัยสนับสนุน นับเป็นการสร้างโมเมนตัมอันดี ที่อาจจะสร้างอุปสรรคและความหวาดหวั่นใจให้เกิดขึ้นแก่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” มิใช่น้อยเลยละครับ