วันที่ 15 ส.ค. 2567 เวลา 11.00 น.ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมกันแถลงจุดยืนของพรรคว่า ขอยืนยันอุดมการณ์ทางการเมืองและจุดยืนของพรรคประชาชนว่า เรายังคงมั่นคงเหมือนเดิมตามที่เราได้เคยให้ไว้ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว รัฐสภามีการพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และเราเคยได้สื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนในฐานะอดีตพรรคก้าวไกล ว่าเราไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมผสานของพรรคการเมืองที่มีความเชื่อทางอุดมการณ์ต่างขั้วกันจะสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องชาวประชาชนได้

จากการประเมินการทำงานของรัฐบาลตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และยกระดับประชาธิปไตย เรายังคงคำเดิม แม้วันนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนคน แต่จะข่าวที่ปรากฏ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมมีความประสงค์จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลต่อ โดยการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวน สส.มากที่สุดในบรรดาพรรคร่วม มาเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายเศรษฐา

“พรรคประชาชนขอยืนยันว่าจะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน โดยไม่มีส่วนร่วมในการโหวตสนับสนุนนายชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องร่วมกันเสนอชื่อ และคาดว่าคงมีการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแม้พรรคประชาชนจะไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคได้ แต่ผมมีความพร้อมที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังต้องการผลักดันในอีกหลายเรื่อง

ไม่ใช่เฉพาะแค่การตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่เราจะใช้กลไกในรัฐสภาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้ ขอยืนยันว่า แม้เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เรายังอีกหลายภารกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และมีอีกหลายวาระที่เราจำเป็นจะต้องผลักดันร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล” นายณัฐพงษ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวต่อว่า กรณีที่คนในสังคมเห็นตรงกันแล้ว คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่โครงสร้างขององค์กรอิสระ และรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้เป็นเรื่องความรับผิดรับชอบทางการเมือง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่กลุ่มคนไม่กี่คนมาเป็นผู้ตัดสิน เพื่อทบทวนเงื่อนไขของการยุบพรรคให้สอดคล้องเป็นไปตามเงื่อนไขสากล ซึ่งสามารถดำเนินการคู่ขนานไปกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หลังจากนี้ พรรคประชาชน จะถึงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว ผ่านกลไกของรัฐสภา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะให้ความร่วมไม้ร่วมมือกับเราในภารกิจดังกล่าว เพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดที่เป็นของพ่อแม่พี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า แรงกระเพื่อมภายในรัฐบาลยังมีอยู่มั่นใจหรือไม่ว่า สส.ประชาชนจะไม่มีการโหวตสวนเป็นงูเห่า นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า  ตนคิดว่าไม่มีแน่นอน จากตัวเลขของเพื่อน สส. ที่มาร่วมกับพรรคประชาชน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าแคนดิเดตฯ เป็นนายชัยเกษม จะเหมาะสมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้หารือกัน ในส่วนของพรรคประชาชนเราจะขอทำหน้าที่ในฐานะแกนนำฝ่ายค้านต่อ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปแสดงความคิดเห็นได้  ส่วนเรื่องสุขภาพของนายชัยเกษม ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องหาเรื่องกัน และไม่ว่าพรุ่งนี้จะมีการเสนอชื่อใครจากพรรคเพื่อไทย ก็เป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว

เมื่อถามว่าเบื้องหลังได้มีพรรคเพื่อไทยติดต่อมาขอเสียงสนับสนุนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริง ตนยังไม่ได้ได้รับรายงาน 

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากโดนคดีจากศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะมีโอกาสร่วมงานด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นวาระร่วมกันอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพ.ร.ป. รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ตนคิดว่าพรรคประชาชนพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย 

เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากองค์กรอิสระจะรวมแก้ไข ม. 112 ด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้องกับ ม. 112 อาจจะคนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน  แต่ไม่ใช่ปัญหาในการร่วมมือกับรัฐบาล ส่วนกรณีที่นายอนุทินยังยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่สนับสนุนการแก้ไข 112 นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคำแถลงของนายอนุทิน น่าจะหมายถึงการจับมือเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนพรุ่งนี้พรรคประชาชนจะร่วมประชุมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของ สส. ที่จะต้องเข้าร่วมประชุม 

นายณัฐพงษ์ กล่าวย้ำว่า ตอนนี้สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะไม่กี่วันมานี้มีการใช้อำนาจของตุลาการในการทำให้เกิดผลกระทบทั้งฝ่ายนิติบัญญัติเอง ทั้งกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ และฝ่ายบริหารที่นายเศรษฐาถูกพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่ง   จุดยืนของพรรคประชาชนวันนี้ คือต้องการออกมาพูดให้ชัดว่า เรารู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะยังเป็นไปไม่ได้ แต่เรายังพร้อมจะร่วมกันกับทุกฝ่าย เพื่อผลักดันกฎหมาย อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด

เมื่อถามว่าหากแคนดิเดตฯ ไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย จะมีจุดยืนเดิมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องรวมเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคประชาชนวันนี้ จุดยืนของเรา ขอทำหน้าที่ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ส่วนจะโหวตไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียงนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องหารือในที่ประชุม สส.ของพรรคในเย็นวันนี้ คงต้องขอเวลาประเมินสถานการณ์ก่อน