เมื่อหมุดหมายของประเทศไทยได้รับความนิยมทั่วโลก จึงทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ตอกย้ำแนวคิดสื่อสารทางการตลาด "Amazing Thailand: Your Stories Never End" เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวค้นหาประสบการณ์ใหม่และส่งต่อความประทับใจอย่างไม่รู้จบ ผ่านสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวชูเสน่ห์ไทย (Soft power) และแนวคิด ‘5 Must-Do in Thailand’ ให้ผู้ที่เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์จริงอย่างใกล้ชิดกับบรรยากาศและกิจกรรมที่สนุกสนานสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม 

สร้างภาพลักษณ์เชิงบวก

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  กล่าวว่า การจัดงาน Amazing Thailand Travel Fair 2024 ณ ไทเป ไต้หวันช่วงที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำถึงสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวชูเสน่ห์ไทย (Soft power) และแนวคิด ‘5 Must-Do in Thailand’ ที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่รู้ลืม  อีกทั้งยังมีการจัดงานในรูปแบบเดียวกันในกลุ่มตลาดระยะไกล เช่น ประเทศสเปน เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย สาธารณรัฐเช็ก เป็นต้น

 

โดยภายในแต่ละครั้งจะมีการแสดง กิจกรรมการสาธิต ศิลปวัฒนธรรมไทย การออกร้านจำหน่ายอาหารไทย และแพ็กเกจท่องเที่ยวไทยในราคาพิเศษ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวไต้หวันมีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทย ผนวกกับรัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling) อย่างต่อเนื่อง และมีการเพิ่มไต้หวันอยู่ในรายชื่อประเทศ/ดินแดน 93 แห่งที่ได้รับการยกเว้นตรวจลงตรา จึงทำให้เป็นโอกาสอันดีในการเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากไต้หวัน ด้วยการดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพในตลาดระยะใกล้ ยกระดับการท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand สร้างภาพลักษณ์เชิงบวกและความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวถึงความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย

ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวไต้หวันถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือนมกราคม – 31 กรกฎาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวไต้หวันเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้วจำนวน 630,332 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566 ซึ่งการจัดงาน Amazing Thailand Travel Fair 2024 ณ ไทเป ทาง ททท. คาดหวังว่าจะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยคาดว่าในสิ้นปี 2567 อาจจะดึงนักท่องเที่ยวไต้หวันให้มาเที่ยวเมืองไทยได้ทะลุ 1 ล้านคน 

มุ่งส่งเสริมการตลาดในพื้นที่ต่างๆ

ทั้งนี้นางสาวสาริมา จินดามาตย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  สำนักงานไทเป กล่าวว่า  ทางททท. สำนักงานไทเป ได้มุ่งส่งเสริมการตลาดในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย ครอบคลุมเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ เขาใหญ่ พัทยา กาญจนบุรี จันทบุรี หัวหิน ปราจีนบุรี เชียงใหม่ เป็นต้น และมีแผนในการทำเส้นทางไปภาคใต้เพิ่มขึ้น โดยอยู่ระหว่างการทำความร่วมมือกับสายการบินและ Travel Agent พร้อมมุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่น่าจับตามอง เช่น กลุ่มชื่นชอบกอล์ฟ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง เดินทางไปเที่ยวยัง หัวหิน กรุงเทพฯ พัทยา ปราจีนบุรี

สำหรับการทำการตลาดจับกลุ่มเป้าหมาย ในกลุ่ม Young Gen  จะใช้การตลาดแบบดึงดูดให้มาท่องเที่ยวซ้ำขณะที่เดือนกรกฏาคม-สิงหาคม จะเป็น ช่วงปิดเทอม ซึ่งจะเป็นกลุ่มครอบครัว จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นที่ไต้หวันที่นิยมเดินทางมาเที่ยวไทย ถือเป็นการเติมเต็มความต้องการช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี  ขณะที่ในช่วงเดือนกันยายน เริ่มเปิดเทอม ทาง ททท.จะหันมาจับกลุ่มทำงาน ด้วยการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อดึงดูดให้กลุ่มคนเหล่านี้ลาพักร้อนเดินทางไปเที่ยวเมืองไทย

โดยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไต้หวันมีวัตถุประสงค์ในการมาเยือนประเทศไทย ได้แก่ พักผ่อน/ วันหยุด (ร้อยละ 86.67) ทํางานร่วมกับท่องเที่ยว (ร้อยละ 5.33) ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (ร้อยละ1.33) ท่องเที่ยว เชิงอาหาร (ร้อยละ0.67) และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา (ร้อยละ 0.67) (ตามลําดับ) เป็นกลุ่ม FIT มากกว่า Group Tour และ 5 อันดับจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไต้หวัน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และกระบี่  โดยกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ รับประทานอาหารไทย ชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ นวดสปา กิจกรรมชายหาด และ เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น