วันที่ 15 ส.ค.67 ปิยบุตร แแสงกนกกุล เเลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) @Piyabutr_FWP ระบุว่า...
เกือบ 2 ทศวรรษที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยจนส่งผลกระทบกับการเมือง ปลดนายกรัฐมนตรี 3 คน ยุบพรรคใหญ่ 5 ครั้ง ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง ล้มเลือกตั้งทั่วประเทศ 2 ครั้ง ปลด ส.ส.อีกหลายครั้ง
แต่กลับเงียบสงัดชนิดเข็มตกลงพื้นยังได้ยินเสียง สมัยรัฐประหารปกครองประเทศ
ดังนั้น การต่อสู้กับศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นภารกิจอันจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน ประชาชนแต่ละคนทำไม่ได้ เพราะ ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ทำได้แต่เพียงส่งเสียง และกดดัน พวกที่ทำได้ คือ นักการเมืองในสภา
ถึงเวลาแล้วที่นักการเมืองต้องจัดการสู้/โต้กับศาลรัฐธรรมนูญ อย่ามัวแต่สวมวิญญาณ “นักร้อง” ร้องศาล รธน เพื่อจัดการนักการเมืองด้วยกัน พอกันทีกับการทำตนเป็น “ไก่ในเล้า” จิกตีกันเอง รอให้พวกเขาเลือกไก่ไปเชือดทีละตัว หยุดเสียทีกับการออกมายืนกุมเป้า เปล่งวาจา ”น้อมรับคำวินิจฉัย“ แล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อน ส่งคนอื่นๆเข้ามารับบทต่อ
แต่นักการเมืองต้องรวมพลังกันจัดการศาลรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ตนมี ยกเลิกการยุบพรรค ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ หรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและที่มาเสียใหม่ ยกเลิกความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ยกเลิกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ของ ส.ส./รมต. ยกเลิกอำนาจการตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นักการเมืองต้องแบกรับภารกิจเหล่านี้ ถ้านักการเมืองในสภารอบนี้ ไม่คิดทำ แต่เลือกกลับไปสมคบสุงสิงกับพวกชนชั้นนำ
เลือกหนทาง “อยู่เป็น” หรือร้องขอความเมตตาจากพวกเขา เพื่อขอใบอนุญาตใบที่สองให้ตนได้เป็นรัฐมนตรี กันแบบเดิมๆแล้วล่ะก็ หนทางเดียวที่ “ประชาชน” มี คือ “ประชาชน” เลือก “ประชาชน” เข้าไปจัดการ และถ้า “ประชาชน” โดนจัดการ เอาคืน ทุบ ยุบปราบ อีก
“ประชาชน” ก็จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ “ประชาชน” สุกงอมเพียงพอที่จะเดินหน้าไปสู่สิ่งที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทยมาก่อน