วันที่ 14 ส.ค.2567 เวลา 15.50 น.ที่รัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี ว่า ขอไปศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียดก่อนว่านายเศรษฐา ยังมีคุณสมบัติในการที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯได้อีกหรือไม่ และพรรคเพื่อไทยยังมีแคนดิเดตนายกฯอีก2คนคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าความเป็นไปได้ที่ศาลฯจะไม่ให้นายเศรษฐา กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ น่าจะเป็นน.ส.แพทองธารหรือไม่ เลขาฯเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้ง2คน นอกจากนี้ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ คงต้องหารือกับพรรคร่วมด้วย ที่จะเสนอชื่อคนที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯคนต่อไป

เมื่อถามว่ายืนยันว่าโควตายังเป็นของพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีการเปลี่ยนขั้วหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย และขอดูคำวินิจฉัยของศาลโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่าตามหลักการพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ1ในพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องยืนยันหลักการของตัวเอง ว่าจะต้องสนับสนุนคนของพรรคตัวเองก่อน เลขาฯเพื่อไทย กล่าวว่า คงจะต้องยืนยันอย่างนั้น แต่คนที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไป หรือแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย2คนที่เหลืออยู่ ก็พร้อมที่จะดำรงตำแหน่ง

เมื่อถามว่าถึงความเป็นไปได้น่าจะเป็นน.ส.แพทองธาร มากกว่านายชัยเกษมหรือไม่ ที่น่าจะมีความพร้อมมากว่า เมื่อดูจากเรื่องสุขภาพ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องประชุมกันในพรรคก่อน กรรมการบริหารพรรคต้องเรียกประชุมด่วนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ตนขอให้กำลังใจนายเศรษฐา พรรคเพื่อไทยทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทยมีจุดเอนนาบแบบนี้ ขอยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนต่อไป

เมื่อถามว่าถือว่าเสียขวัญหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ทุกฝ่ายต่างไม่มีความกังวล รวมถึงยังมั่นใจด้วยซ้ำ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรามั่นใจในความบริสุทธิ์ของนายเศรษฐาอยู่แล้ว จำนวนตัวเลขที่เราได้ยินทั้งหลายทั้งปวงเราไม่เคยคำนึงถึงเลย เราคำนึงถึงต้นตอความบริสุทธิ์ใจของนายเศรษฐา ทุกอย่างผ่านไปแล้ว วันนี้ทำอนาคตให้ดียิ่งขึ้น และปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีต่อไป

เมื่อถามว่าโครงการเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตจะยังคงเดินหน้าต่อไปหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ยังคงเดินหน้า เพราะเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว จริงๆแล้วที่ผ่านๆมาพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้มีอะไรที่จะเป็นปัญหา

เมื่อถามว่าตั้งแต่คำวินิจฉัยของศาลฯออกมา ได้มีการประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันหรือไม่ว่าเรายังจับมือกันแน่น นายสรวงศ์ กล่าวว่า  ยัง แต่คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น่าจะต้องมีการเชิญพรรคร่วมเข้ามาเพื่อพูดคุยกันถึงทิศทางต่อไป แต่ต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดอีกครั้ง

เมื่อถามว่ายังยืนยันเดินหน้าไปด้วยกัน นายสรวงศ์ กล่าวว่า เดินหน้าไปด้วยกัน เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมฯหรือยัง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคร่วม ทางพรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ได้เรียกประชุมใดๆทั้งสิ้น เพราะมี สส. ในสภาฯจับกลุ่มพูดคุยกันถึงแนวทางการดำเนินงานของพวกเราที่ทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ ก็มั่นคง และจะทำงานต่อไปในสภาฯให้เข้มแข็งที่สุด ตราบใดที่พรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล เสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯคนต่อไป พวกเราก็ยินดีน้อมรับที่จะดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่าต้องมีการเซ็นเอ็มโอยู หรือทำสัญญาใจอะไรกันหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เป็นไร ให้เวลาผ่านไป แล้วมาพูดคุยกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนจะนัดกันเมื่อไหร่ ยังไม่ทราบ เพราะต้องรอหัวหน้าพรรคกำลังเดินทางกลับ และจากการโทรคุยกับนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างประเทศ และกำลังจะเดินทางกลับมาด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อถามว่าคงไม่ถึงขั้นเปลี่ยนตัวสลับข้างกันใช่หรือไม่ นายสรวงศ์  กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ขอพูดคุยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่าตำแหน่งรองประธานสภาฯจะมีผลอะไรหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตำแหน่งรองประธานสภาฯเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นไปตามโควตาที่พรรคภูมิใจไทยมีมติส่งนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง