บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) มาตามนัด! ผลงานไตรมาส 2/67 โตติดจรวด กวาดรายได้ 3,139.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.80% กำไรพุ่ง 100.81 ล้านบาท เพิ่ม 2,743.08% เทียบช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำการเข้าสู่โหมด Sustainability to Profitability ฟากแม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์”ระบุมั่นใจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง จากดีมานด์ยางพาราที่สูงขึ้น ดันยอดขายยางแท่งปีนี้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กฎหมาย EUDR สนับสนุน ให้มาร์จิ้นยางพาราดีขึ้น ส่วนธุรกิจปาล์มน้ำมัน “ฟื้นตัว” จากไตรมาส 1/67 แย้มไตรมาส 4/67 จ่อบุ๊กรายได้ขายไบโอแก๊ส ให้กับลูกค้าภายนอก ผูกสัญญายาว 7 ปี มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เพิ่ม Recuring Income ดันผลงานเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทฯมีรายได้รวม 3,139.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.03 ล้านบาท หรือ 3.80% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,024.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.26 ล้านบาท หรือ 2,743.08% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.55 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตรากำไรของยางที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของธุรกิจปาล์มน้ำมัน สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 6,848 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 164.24 ล้านบาท ทั้งนี้ ประเมินว่ายอดขายยางแท่งในปี 2567 จะเติบโตได้ระดับไม่ต่ำกว่า 10% เทียบปีที่ผ่านมาที่มียอดขายอยู่ที่ 197,000 ตัน คาดว่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
“กำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาส 2/67 ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเข้าสู่โหมด Sustainability to Profitability ของบริษัทฯ ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่ายอดขายยางแท่งยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนในเรื่องของกฎหมาย EUDR ซึ่งเป็นกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายยางแท่งเกรด EUDR แล้วทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย โดยมีการส่งมอบสินค้า EUDR แล้วในไตรมาส 2/2567 นี้ และจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้น ดีกว่า”
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเดินหน้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งตามแผน โดยภายในสิ้นปี 2567 กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 3.9 แสนตัน เทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2 แสนตัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และในปี 2568 กำลังการผลิตยางแท่งจะเพิ่มเป็น 4.3 แสนตัน
สำหรับธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบในไตรมาส 2/67 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ผลการดำเนินงานมีรายได้ 568.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 64.76% เทียบกับไตรมาส 1/67 ที่มีรายได้ 345.15 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุน จากปริมาณขายน้ำมันปาล์มดิบที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของน้ำมันเมล็ดในปาล์มที่เพิ่มขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่พร้อมใช้งานในไตรมาส 3/67 และบริษัทฯ ได้มีการติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติมแล้ว คาดจะเริ่มทดสอบระบบได้ในไตรมาส 3/67 เช่นกัน ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 2568
ขณะที่ในส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ หลังจากที่เดินระบบและเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เฟส 1 แล้ว ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/67 บริษัทฯจะเริ่มขายไบโอแก๊สให้กับลูกค้าภายนอก สัญญา 7 ปี มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้ประจำ (Recuring Income) ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และบริษัทฯ ได้เริ่มโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เฟส 2 แล้ว คาดว่าจะ COD ภายในปี 2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์ และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Sustainable Value Chain) ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน สอดรับกับวิสัยทัศน์ “พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก ที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน” ต่อไป