กลายเป็นประเทศที่ภินท์พังไปแล้วแทบทุกด้าน

สำหรับ “ยูเครน” ประเทศในภูมิภาคยุโรป ที่ผจญกับไฟสงคราม นับตั้งแต่กองทัพรัสเซีย กรีธาพลยกข้ามพรมแดนเข้าไปรุกรานยูเครน ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมา จนกลายเป็นวิกฤติของยูเครนมาถึง ณ ชั่วโมงนี้

โดยไฟสงครามข้างต้น เผาไหม้ในหลายๆ ด้านของยูเครนให้พังทลายลง

ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร ที่ถูกกองทัพรัสเซีย ทำลายเป็นเป้าหมายในลำดับแรก จนกองทัพยูเครนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากนานาประเทศที่เป็นเหล่าชาติพันธมิตรตะวันตก ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา

ด้านสังคมที่ประชาชนพลเมืองของยูเครน ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีภัยสงคราม จากการที่ประเทศถูกยัดเหยียดให้เป็นสมรภูมิรบ ซึ่งการย้ายถิ่นฐานของพลเมืองจำนวนหลายล้านคนถึงขั้นหลบหนีออกไปนอกประเทศกันเลยทีเดียว

เช่นเดียวกับเศรษฐกิจยูเครนที่ต้องถดถอยติดลบ เพราะพิษภัยของสงครามทำให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่สามารถดำเนินไปได้เฉกเช่นในยามปกติ

นอกจากนี้ ในทางการเมือง ยูเครนก็ประสบภาวะชะงักงัน โดยเฉพาะในการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ที่ตามกำหนดการเดิมแล้ว ยูเครน ต้องจัดเลือกตั้งประธานาธิบดี ในช่วงเดือนมีนาคม หรือเมษายน ในปีนี้ที่เพิ่งผ่านพ้นมา แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอยู่ภายใต้ของสถานการณ์สงคราม ทำให้นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่หมดวาระไปแล้วตามกำหนดการเดิม ต้องดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของยูเครนอยู่ต่อไป ในทางการเมืองการปกครองของยูเคนถึง ณ ปัจจุบัน ก็อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎอัยการศึก ซึ่งถูกประกาศบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) หรือตั้งแต่ไฟสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปะทุคุโชนเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้วเป็นต้นมา

ใช่แต่เท่านั้น วิกฤติสงครามยูเครน ที่รัสเซีย กรีธาทัพเข้ามาถล่ม ก็ยังทำลาย “ระบบความโปร่งใส” พร้อมทั้งก่อให้เกิดการ “ทุจริตคอร์รัปชัน” ในยูเครนอย่างกว้างขวางมากขึ้น

ตามรายงานก็ระบุว่า การทุจริตคอร์รัปชันในยูเครน ก็มีทั้งในแวดวงทางการทหาร และการทำงานของพลเรือนในหน่วยงานรัฐกิจต่างๆ

อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่เหล่าชาติมหาอำนาจตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ บริจาคให้กับยูเครน เพื่อใช้ในการทำสงครามกับรัสเซีย (Photo : AFP)

ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร ซึ่งมีรายงานว่า นายทหารชั้นสูงระดับผู้บังคับบัญชาของเหล่าทัพต่างๆ ในยูเครน ทุจริตคอร์รัปชันด้วยการลักลอบนำอาวุธสงครามที่ได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาชาติพันธมิตรไปจำหน่าย ในนตลาดมืดค้าอาวุธสงครามทั้งหลาย ที่ปรากฏว่า อาวุธยุทโธปกรณ์หลายรายการที่ประทับตราว่ามาจากบรรดาประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตก ไปเปิดการจำหน่ายในตลาดมืดค้าอาวุธสงครามต่างๆ

นอกจากทุจริต์คอร์รัปชันในอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกแล้ว ก็ยังมีการโกงกินเกี่ยวกับด้านสวัสดิการของทางกองทัพ กระทั่งอาหารที่ใช้เลี้ยงปากท้องของกำลังพลในแต่ละมื้อ ก็ยังไม่เว้นที่จะถูกบรรดานายทหารหาญผู้มีชั้นยศ ยักยอกโกงกินค่าอาหารเหล่านั้นอีกต่างหากด้วย

ทหารยูเครนเข้าคิวรับอาหาร (Photo : AFP)

ถึงขนาดมีรายงานว่า นายทหารระดับผู้บังคับบัญชาบางคน สามารถซื้อบ้านระดับคฤหาสน์ในต่างประเทศ เช่น ในประเทศสเปน ได้เลยทีเดียว ด้วยเงินที่ได้จากการทุจริตคอร์รัปชันเหล่านั้นในกองทัพ

ไม่เว้นแม้กระทั่งในวงการแพทย์ สาธารณสุข ที่กลุ่มคนทำงานประเภทนี้ ก็ถูกยกย่องว่า มีจรรยาบรรณ จริยธรรมสูงกว่ากลุ่มคนทำงานประเภทอื่นๆ ซึ่งมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่แพทย์ และสาธารณสุขอื่นๆ ของยูเครน ลักลอบขยายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ไต ของผู้เจ็บป่วยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยธรรมดา และผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบในสงคราม ทั้งทหารและพลเรือน ที่มาเข้ารับการรักษา จนยูเครน ถูกกล่าวขานให้เป็นหนึ่งในตลาดมืดค้าอวัยวะภายในมนุษย์แถวหน้าของอย่างน่าสะพรึงกันมาแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในประเทศยูเครนแล้ว จากการศึกษา ติดตาม และจัดอันดับ โดย “องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ” หรือ “ทีไอ” ประจำปีล่าสุด คือ 2023 (พ.ศ. 2566) ปรากฏว่า ยูเครน อันดับร่วงกราวรูดลงไปอยู่ในอันดับที่ 104 จากทั้งหมด 180 ประเทศ จากเดิมช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น ยูเครนเคยรั้งตระเวนอยู่ในระหว่างอันดับที่ 69 – 85 ไม่ใช่ต่ำกว่า 100 อย่างที่เห็น ซึ่งอันดับความโปร่งใสที่ตกต่ำลงมา ก็หมายความว่า เกิดการทุจริตคอร์รัปชันเพิ่มมากขึ้น นั่นเอง

ด้วยเสียงเล่าเสียงลือจนอื้ออึง พร้อมกับมีการจัดอันดับเรื่องความโปร่งใส และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในยูเครนข้างต้น ก็ส่งผลให้บรรดาภาคส่วนต่างๆ รวมไปถึงสถาบันการศึกษาระดับชั้นนำ แสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อประชาชนชาวยูเครนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าชาติพันธมิตรตะวันตก ว่าจะไม่ได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วยในผลประโยชน์ที่ได้รับจากเงินช่วยเหลือเหล่านั้น

โดยบรรดาภาคส่วนต่างๆ ที่ว่าเหล่านั้น มองไกลไปถึงหลังสงครามสิ้นสุด อันจะก่อให้เกิดการฟื้นฟูประเทศยูเครนตามมา

หนึ่งในบรรดาผู้ที่ห่วงใยต่อประชาชนชาวยูเครนเหล่านี้ ก็คือ “มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมืองพรินซ์ตัน รัฐจอร์เจีย ก็เสนอตัวที่จะช่วยเหลือในการก่อตั้งโครงการลดทุจริตคอร์รัปชันในกระบวนการฟื้นฟูประเทศยูเครน

มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โครงการนวัตกรรมเพื่อความสำเร็จทางสังคมในยูเครน”

โครงการที่ว่าก็มีทั้งคณะนักวิชาการ และบรรดานักรณณรงค์ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ในอันที่จะทำให้การฟื้นฟูประเทศที่ภินท์พังของยูเครนนั้น ประโยชน์ต่างๆ ตกถึงมือประชาชนชาวยูเครนให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่ถูกนักการเมือง หรือนักการทหาร เข้ามายักยอก

ทั้งนี้ เมื่อว่ากันถึงเม็ดเงินในการฟื้นฟูก็มิใช่น้อยๆ เพราะมีตัวเลขมากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว ล่อแหลมชวนให้เกิดทุจริตคอร์รัปชันกันเป็นอย่างยิ่ง