วันที่ 13 ส.ค. 67 ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ  จัดเตรียมสถานที่ ก่อนวันพรุ่งนี้ที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ  ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม   ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 )หรือไม่   

จากกรณีนายเศรษฐา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง   อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงได้

โดยในเวลา  09.30 น. ศาลจะเริ่มประชุมแถลงด้วยวาจา ลงมติ และจัดทำคำวินิจฉัย ก่อนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00น.ตามที่นัดหมาย คดีนี้ประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยคือการที่ นายเศรษฐานำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน  เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา รู้หรือควรรู้  มีเจตนาหรือไม่ที่เสนอชื่อนายพิชิต ซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำสั่งจำคุก 6 เดือนฐานะละเมิดอำนาจศาล ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 

โดยแนววินิจฉัยหากศาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงก็จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัว  แต่หากศาลยกคำร้องนายเศรษฐาก็จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป

โดยก่อนวันวินิจฉัยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จัดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อรองรับการวินิจฉัยคดี  คุมเข้มมาตรการความปลอดภัยโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A)   ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตามประกาศศาลรัฐธรรมนูญ  เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ   และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ฉบับลงวันที่ 31 ก.ค.67  ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่คืนวันอังคารเวลา 00.01 น. ไปจนถึง 23.59 น.ของวันพุธที่ 14 ส.ค. ตั้งแต่โดยกำหนดห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาปฏิบัติงาน หรือมาติดต่อราชการ และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมา ตามวิธีการของเจ้าหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย  

เนื่องจากอาจมีสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น  โดยมีการนำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกอาคาร  และประสานทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และสน.ทุ่งสองห้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เข้ามาดูแลความปลอดภัยโดยรอบอาคารสถาน เช่นเดียวกับวันอ่านคำวินิจฉัยในคดีสำคัญๆที่ผ่านมา   ขณะที่บุุคคลที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น   

นอกจากนี้ ทางสำนักงานได้อำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชนและประชาชนที่เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองด้วยการติดตั้งจอทีวีพร้อมลำโพงไว้เพื่อถ่ายทอดการอ่านคำวินิจฉัย จำนวน 2 จุดใหญ่ คือ ที่บริเวณโถงกลาง ชั้น 2 และบริเวณเชิงบันไดด้านนอกอาคาร ฝั่งทิศเหนือของ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A)  ส่วนประชาชนทั่วไป  สามารถติดตามผลการอ่านคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยสื่อมวลชนที่จะเข้าไปภายในบริเวณโถงอาคารจะต้องลงทะเบียนก่อนล่วงหน้า และแลกบัตรศาลอีกครั้ง 

สำหรับคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 23 พ.ค.67   โดยตุลาการเสียงข้างน้อยที่เห็นว่าไม่ควรรับคำร้องไว้ประกอบด้วยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาล   นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ  

และมีมติเสียงข้างมาก  5 ต่อ 4 ไม่สั่งนายเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย  ที่เห็นว่านายกฯ ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่   ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน  นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม   นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์  หลังจากนั้นศาลได้เปิดให้คู่กรณียื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และแถลงปิดคดี   รวมระยะเวลาการพิจารณานับรับคำร้องจนถึงวินิจฉัยรวม 2  เดือนเศษ