เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำวินิจฉัย ชี้ชะตา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และไม่ว่าผลจะออกมาในทางที่เป็น “บวก” หรือ “ลบ” แต่เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ในวันที่ 14 ส.ค. 67 จะต้องถูกบันทึกเอาไว้ !
จุดเริ่มต้นของกรณีการยื่นถอดถอน นายกฯเศรษฐา ออกจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากมาจากการที่ “กลุ่ม 40 สว.” เห็นว่าการที่นายกฯนำชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” ทูลเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการปรับครม. “เศรษฐา 2” ที่ผ่านมานั้น น่าจะมีปัญหา
เนื่องจาก นายกฯเศรษฐา นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพิชิต ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า พิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ถูกร้องที่เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ดังนั้น จึงเข้าชื่อ สว.ในขณะนั้น 40คนแล้วยื่นคำร้องผ่าน “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานวุฒิสภา ในเวลานั้น เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของเศรษฐา และพิชิต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.67
ต่อมา เกิดแรงกดดันอย่างหนัก ต่อนายกฯเศรษฐา และตัวพิชิต ทำให้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 พิชิต ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 23 พ.ค.2567 “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และศาลฯ มีมติมติ 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้ผู้ถูกร้อง คือ นายกฯเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.67 “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำสั่งให้ “คู่กรณี” ได้แก่ นายกฯเศรษฐา และ “40สว.” ให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐาน ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 30 ก.ค.67 นายกฯเศรษฐา ส่งคำแถลงปิดคดี ต่อศาลรัฐธรรมนูญ และในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย ในเวลา 15.00 น.
“ประพันธุ์ คูณมี” 1 ใน40 สว. ที่ยื่นคำร้อง ระบุว่า จากที่อ่านคำชี้แจงและคำแถลงปิดคดีนายกฯเศรษฐา ไม่ค่อยแหลมคม ไม่มีน้ำหนัก คาดหวังว่าเมื่อมี “วิษณุ เครืองาม” เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นกุนซือให้คำปรึกษา แต่คำชี้แจงแถลง ไม่มีอะไรใหม่ หรือมีน้ำหนักหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ร้อง 40 อดีตสว.ได้ การอ้างความเป็นนักธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยกับข้อกฎหมายและเรื่องรัฐศาสตร์ ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างหักล้างข้อกล่าวหาได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ส.ค. “วิษณุ” ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีหากนายกฯเศรษฐา ต้องพ้นจากตำแหน่ง อันเป็นผลมาจากคำวินิจฉัยวันที่ 14 ส.ค.นี้ ว่า หากไม่รอดนายกฯก็จะถูกถอดถอนและพ้นจากตำแหน่ง รวมถึงคณะรัฐมนตรี ก็จะสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ นายกฯสามารถรักษาการไว้ได้ จนกว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะนำ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลานานพอสมควรเป็นสัปดาห์ และในระหว่างรักษาการถือว่ายังมี “อำนาจเต็ม” สามารถประกาศ “ยุบสภาฯ” ได้ !