นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2567) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 302.9% เทียบกับ YoY และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.28 บาทต่อหุ้น ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 57,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% เทียบกับ YoY
ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้จำนวน 53,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.0 % เทียบกับ YoY เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 11.9% เทียบกับ YoY เป็น 1,716 ล้านลิตร สาเหตุหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT เติบโต 13.7% เทียบ YoY ซึ่งเป็นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ทั้งจากลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ส่งผลทำให้ไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ สามารถครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT เพิ่มขึ้นเป็น 22.3 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วที่มีสัดส่วน 19.5%
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เน้นการปรับปรุงสถานีบริการเดิมให้มีความสะอาด ทันสมัยและครบครันมากขึ้น รวมถึงขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพสูงเท่านั้น จึงทำให้มีอัตราการเติบโตในการขยายสถานีบริการไม่สูงมาก ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% เทียบ YoY เป็น 2,208 สถานี ขณะที่ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 31.25 บาทต่อลิตรเพิ่มขึ้น 1.0% เทียบ YoY ปัจจัยหลักมาจากการปรับราคาขายหน้าสถานีบริการระหว่างไตรมาส
ส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เพิ่มขึ้น 24.5% เทียบ YoY เป็น 4,153 ล้านบาท มีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้ 2,305 ล้านบาท เติบโต 13.1% เทียบ YoY เนื่องจากมีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องจำนวน 174 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 12.4% เทียบ YoY ประกอบกับมีราคาขายเฉลี่ยที่ 13.27 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.6% เทียบ YoY
ขณะที่การเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG โดยรวมยังคงมาจากกลุ่ม Auto LPG ที่เติบโต 14.6 % เทียบ YoY เป็น 124 ล้านลิตร จากการดำเนินโครงการ Taxi Transform และ Auto Transform ด้วยเป้าหมายในการสร้างความ อยู่ดี มีสุข ให้กับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิตและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับมีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus โดยบริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 1 ในไตรมาส 2/2567 ที่ 29.8 % และมีจำนวนสถานีบริการ Auto LPG ที่จำนวน 246 สถานี
ขณะที่กลุ่มครัวเรือนเพิ่มขึ้น 9.8 % เทียบ YoY เป็น 37 ล้านลิตร ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์การขยายจุดจำหน่าย Gas Shop และ Auto LPG เป็น 738 จุด
สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2 % เทียบ YoY เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/2567 มีจำนวนสาขาร้านกาแฟ
พันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,028 สาขา เพิ่มขึ้น 46.2% นับเป็นการขยายสาขาแตะหลักพันเป็นครั้งแรก โดยมีการกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปีนี้ทางบริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยไว้ที่ 400 สาขา
ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในปี 2567 บริษัทฯ วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints โดยการขยายสาขาจำนวนหลัก ๆ มาจาก ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ สถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางจากเดิมที่ 10-12% เทียบ YoY เป็น 10-15% เทียบ YoY จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางของบริษัทฯ ที่ยังคงสร้างการเติบโตที่สูงจากปัจจัยภายในของทางบริษัทฯ รวมถึงอุปสงค์การใช้น้ำมันในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และคาดว่าจะขยายจำนวนสถานีบริการเป็น 2,251 สถานีบริการภายในปีนี้
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการเติบโตในธุรกิจทุกภาคส่วน โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันที่ทำได้สูงตามเป้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มาร์เก็ตแชร์ค้าปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น และยังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์เชื่อมให้ทุกคนได้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกช่วงของชีวิต ตลอดจนมีผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยบริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งทุก ๆ ปีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”