กลุ่มผู้เสียหายโร่ร้องกองปราบฯ หลังถูกสองผัวเมียแฝงตัวเข้าสมัครเรียนคอร์ส อบรมผู้บริหารระดับสูง หลอกลงทุนเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

วันนี้ (13 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบังบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบ) นายกอติภัสณ์ ฤทธิเดช ทนายความ พร้อมด้วย พาผู้เสียหายประมาณ 18 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เริงชัย ชุดพิมาย รอง ผกก.(สอบสวน)กก.4 บก.ปอศ. หลังถูกบุคคลแฝงตัวสมัครเข้าเรียนหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนหลายที่ ก่อนออกอุบายขอยืมเงินและชักชวนให้เพื่อนสมาชิกที่เรียนด้วยกันลงทุน มีผู้เสียหายกว่า 30 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

น.ส.จรรยาพร หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ได้รู้จักสองผัวเมียคู่หนึ่งที่แฝงตัวเข้ามาสมัครเรียนตามคอร์ส อบรมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯเอกชนหลายที่ ก่อนจะตีสนิทชักชวนและยืมเงินจากสมาชิกในคอร์ส ส่วนมากจะเป็นกลุ่มผู้มีฐานะ โดยอ้างว่า เป็นเจ้าของบริษัทจัดหาพนักงานPC เชียร์ขายสินค้าหน้าร้านถูกกล่าวหาพยายามไปขายงานให้กับบริษัทชื่อดังของประเทศไทย และได้นำคอนแทคของแต่ละบริษัทชื่อดังมาอ้างจน ทำหลงเชื่อ เริ่มแรกในปลายปี 2561 สองผัวเมียได้ยืมเงินตนไปจำนวน 3 แสนบาท เพื่อไปลงทุนกับบริษัทดังกล่าว จะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3% จากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์สองผัวเมียได้นำเงินจำนวน 3 แสนบาทมาคืนพร้อมกับเงินตอบแทนอีก 3% จริง จากนั้นก็ทำการยืมเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่องหลายครั้ง ก่อนเกิดโรคระบาด โควิด-19 เมื่อปี 2563 ทั่งสองได้ติดเงินตนอยู่ประมาณ 20 ล้านบาท ก็เริ่มคืนเงินล่าช้าและ ต่อมาในปี 2566 สองผัวเมียได้ติดต่อให้ตนเพิ่มเงินลงทุนอีก 9 ล้านบาท อ้างว่าหากไม่โอนเงินมาร่วมลงทุนอีก เงินที่ตนลงทุนจะไม่ได้คืน หลังจากนั้นก็เลื่อนการจ่ายเงินเรื่อยมา และอ้างว่าบริษัทคู่ค้าจ่ายเงินล่าช้า แต่เมื่อตนติดต่อไปทางบริษัทคู่ค้ากลับพบว่าไม่มีการติดตามที่ถูกกล่าวอ้าง จึงทราบแล้วว่าตนถูกหลอก โดยรวมความเสียหายของตนอยู่ที่ 38 ล้านบาท 

น.ส.จรรยาพร กล่าวต่อว่า ตนจึงได้ไปจ้างบริษัทนักสืบเอกชนให้ไปตามทวงหนี้ และพบว่ามีผู้เสียหายได้ไปจ้างบริษัทเอกชนที่ตามทวงหนี้กับลูกหนี้รายนี้เช่นเดียวกัน จึงพบว่า มีผู้เสียหายกว่า 30 รายที่โดนในลักษณะเดียวกัน และตนยังทราบมาว่ามีผู้เสียหายซึ่งเป็นแพทย์ถูกหลอกยืมเงินสูญเงินไปกว่า 90 ล้านบาท ส่วนผู้เสียหายอื่นๆ ถูกหลอกยืมเงินในลักษณะเดียวกัน สูญเงินไปคนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

น.ส.จรรยาพร กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ตนยังทราบว่า มีการโกงเงินประกันสังคมและเงิน กยศ.เด็กที่ทำงานเป็นPCในบริษัท โดยมีการเก็บเงินดังกล่าวทุกเดือนไปจำนวนกว่า 100 คน แต่ไม่มีการจ่ายให้กับประกันสังคมและเงิน กยศ.ให้กับพนักงาน ตนมีหลักฐานและมีการยืนยันจากเด็กเหล่านั้น

วันนี้ตนพร้อมผู้เสียหายอีกหลายรายจึงเดินทางมาแจ้งความกับสามีภรรยา คู่นี้ และผู้ร่วมขบวนอีก 2 รายการคือน้องสาว และกรรมการบิษัทฯในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ กู้เงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน