วันที่ 13 ส.ค. 2567 นายเทพไทย เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อเห็นรายงานความเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจราชการภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 15 - 19 ส.ค.2567 และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ 20 ส.ค.2567 จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21- 31 ส.ค.เพื่อติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล แสดงให้เห็นว่านายเศรษฐามีความมั่นใจในผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าน่าจะมีการยกคำร้องของ 40 ส.ว. อย่างแน่นอน

ตอนแรกที่มีการยื่นคำร้องใหม่ๆ ผมก็มั่นใจว่านายเศรษฐา จะรอดพ้นจากคดีนี้100% เพราะยังไม่เห็นตัวบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ทั้งในส่วนของแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย คือคุณอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังขาดวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ รวมถึงนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งยังมีปัญหาด้านสุขภาพ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลคนอื่นๆ ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยังไม่มีความพร้อมที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน

แต่เมื่อเหตุการณ์ได้ผ่านไประยะหนึ่ง เริ่มเห็นแนวโน้มว่า นายอนุทินอาจจะเป็นตัวแทนสามารถเป็นตัวแทนของกลุ่มอนุรักษ์นิยมได้ หลังจากนายอนุทินได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยะจุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ชั้น3 รวมถึงการมีส.ว. สายสีน้ำเงินจำนวน 150 คน ซึ่งมีคอนเน็คชั่นที่ดีกับพรรคภูมิใจไทย เข้ายึดครองเสียงข้างมากในสมาชิกวุฒิสภา การพบกับนายทักษิณที่เขาใหญ่ จนทำให้นายเศรษฐาต้องถอยเรื่องการนำกัญชาขึ้นทะเบียนเป็นยาเสพติดประเภท5ในทันที แสดงให้เห็นถึงอำนาจบารมีการต่อรองของพรรคภูมิใจไทย มีเหนือกว่าพรรคเพื่อไทย จึงคิดว่าถ้าหากนายเศรษฐาหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะมีนายอนุทินขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนได้ สูงถึง 80%

แต่ตอนนี้ได้เห็นภาพของนายเศรษฐาทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเข้มแข็ง ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก และมหาวชิรมงกุฎ เป็นกรณีพิเศษ และภาพที่ปรากฏในพิธีงานศพของนางชดช้อย ทวีสิน มารดาของนายเศรษฐา ทำให้เห็นถึงความเป็นไปได้ว่า นายเศรษฐาน่าจะคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ในอัตราส่วน 50:50ขึ้นมาทันที

รอจับตาดูว่าผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะยึดหลักนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์กันแน่ วลีคำว่า“บกพร่องโดยสุจริต”จะนำมาใช้อีกครั้งหรือไม่ ซึ่งจะเป็นคำตอบการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะได้ไปต่อหรือไม่