จากกรณี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.67 ที่ผ่านมา หลังผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.แวนนาโฟน อายุ 25 ปี สัญชาติลาว เตือนภัยจากทางเจ้าของรถเช่าหลังถูกหลอกเช่ารถ จยย. ก่อนถูกเชิดรถหนีหายพร้อมทั้งบล็อคทุกช่องทางการติดต่อ หวั่นใจหวังอยากได้รถคืน

ล่าสุด วันที่ 12 ส.ค.67 มีผู้เสียหายเพิ่มอีก 1 รายถูกคนคนเดียวกันนั้นทำทีเข้ามาขอเช่ารถ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับผู้เสียหายรายแรกที่โดนหลอกเช่ารถไป ชึ่งภาพกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ทั้งหมดและอยากออกมาเตือนภัย เพื่อไม่อยากให้ผู้ประกอบการรถเช่าด้วยกัน ต้องโดนและอยากให้คอยระวังตัว

ด้านนายแอม (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เล่าว่า เคสของตนโดนในวันเดียวกันกับผู้เสียหายเคสแรกช่วง เวลา 20.00 น. โดยทำทีเป็นใช้เฟสเดียวกัน กับเจ้าแรกที่โดนไปทักเข้ามาพูดคุยก่อนจะขอเช่ารถไป แต่ในเคสของตนนั้นถือว่าโชคดี หลังจากจับพิรุธได้ก่อนจะพยายามทักถามรถแต่ก็เงียบหายไป ก่อนจะแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และออกติดตามรถโดยตนได้ติด จีพีเอสไว้ที่รถจึงทราบว่ารถนั้นถูกนำไปจอดไว้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านศรีราชา ก่อนจะติดตามไปเจอรถและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจศรีราชา เข้าสนับสนุนจุดเกิดเหตุโดยรถจอดอยู่ในบ้านและมีการนำผ้ามาคลุมปกปิดรถไว้ 

นายแอม (นามสมมติ) บอกอีกด้วยว่า บัตรประชาชน ที่เจ้าแรกโดนนั้นเป็นชื่อปลอมแต่ เคสของตนนั้นเป็นชื่อจริง โดยตนขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ให้ พบว่าชื่อที่แท้จริงนั้นคือ น.ส.สุพัตรา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี โดยในวันที่มารับรถนั้นมาพร้อมชาย 1 คน ก่อนจะขี่รถออกไปและตนก็สามารถตามจนเจอรถและนำคืนมาได้ 

นอกจากนี้ นายแอม (นามสมมติ) ยังบอกอีกด้วยว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเร่งดำเนินการจับกุมเพราะไม่อยากให้ผู้ประกอบการรายอื่นต้องมา รับเคราะห์โดยในเคสแรก ตนได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดจนทราบว่า ยังไม่สามารถนำรถกลับคืนมาได้ นอกจากนี้จากเคสดังกล่าวแล้ว ตนเองระแวงหากปล่อยให้คนไทยเช่าหวั่นเป็นมิจฉาชีพ อีกทั้งยังจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยจริงๆที่มาเที่ยวแล้วไม่สามารถหารถเช่าได้ อีกทั้งในเคสของตนยังถูกปลอมชื่อเจ้าของรถด้วย เชื่อเตรียมนำรถไปขายต่อ

"ผมหวั่นว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจนเจอตัวแล้ว ไม่ดำเนินการจับกุมบอกเพียงว่าเจอรถแล้วจะเอาอะไรอีก ยิ่งทำให้ผมนั้นหวั่นวิกตกว่า จะมีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลังเพราะก่อเหตุมาอย่างโชกโชนขนาดนี้ ยังไม่ถูกจับดำเนินคดีแต่อย่างใด วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการจับกุมโดยเด็ดขาด หากถ้ามีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังจริง ผมก็หวั่นเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน"นายแอม (นามสมมติ) กล่าว