วันที่ 12 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข่าว ได้รับทราบข่าวว่ามี 2 แม่ลูกต้องเผชิญชะตากรรม ซึ่งแม่ป่วยเป็นมะเร็งโพรงจมูก และมีเนื้องอกยื่นออกมา จึงได้เดินทางไปที่บ้านพักคนงานของบริษัท (เอกชน) แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ด้านหลังสำนักงานเทศบาล ต.หนองบัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี พบ น.ส.จันทร์สม อายุ 66 ปี (ผู้ป่วย) นั่งบนเตียงและลูกชาย ชื่อนายไพรวัลย์ อายุ 33 ปีลูกชาย พบนายไพรวัลย์ กำลังสาละวนดูแลทำความสะอาดในตัว น.ส.จันทร์สม (แม่) ที่อยู่ในสภาพน่าสงสารยิ่งนัก มีก้อนเนื้องอกยื่นออกมาจากบริเวณจมูก ขนาดใหญ่ปิดตาจนมิดเหมือน(งวงช้าง) มีถังพลาสติกขนาดกลางวางอยู่บนตักเพื่อรองรับ น้ำเหลือง ที่ไหลหยดออกมาจากก้อนเนื้อเสียตลอดเวลา และต้องคอยใช้กระดาษทิชชู ซับไว้ตลอดเวลา หากจะใช้มือทำภาระอย่างอื่นก็ต้องใช้ทิชชูอุดรูจมูกไว้ ทั้งนี้เพื่อที่จะเตรียมนำพวงมาลัยดอกมะลิ เข้ากราบ น.ส.จันทร์สม ผู้เป็นแม่ ในวันแม่ ( 12 ส.ค.67) โดยมีกลุ่มเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี จุดบ้านหมอ และเพื่อนบ้านต่างพากันมามุงดูเป็นจำนวนมาก
ส่วนผู้สื่อข่าวได้นำข่าวดีแจ้งให้ น.ส.จันทร์สม กับนายไพรวัลย์ ลูกชาย ได้ทราบว่า เรื่องราว ที่ กลุ่มอาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี จุดบ้านหมอ ได้ร้องขอความช่วยเหลือไปนั้น ทางนายวิบูลย์ สุขอนันตธรรม นายกพุทธสมาคมสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ได้ทราบเรื่องความเดือดร้อนทั้งหมดแล้ว และได้เร่งประสานงานกับ พ.ญ.จิรวรรณ อารยะพง์ ผู้อำนวยการ รพ.สระบุรี ขอความกรุณาให้รับเคสผู้ป่วย น.ส.จันทร์สม ศักดิ์ดี นี้ด้วย และ ผอ.รพ.สระบุรี ได้ประสานงานผ่าน มายัง รพ.อำเภอบ้านหมอ ให้อำนวยความสะดวกรับผู้ป่วยรายนี้ตามขั้นตอนอยู่ในระบบเพื่อส่งต่อให้ รพ.สระบุรี บำบัดรักษาต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เบื้องต้น ผู้ป่วย ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมไป รพ.ตามที่ หลายฝ่ายพยายามประสานงานให้การช่วยเหลือ โดยอ้างว่า (กลัวถูกเจาะคอ) และกลัวเสียค่าใช้จ่ายแพง
นายไพรวัลย์ ลูกชาย กล่าวว่า ตนกับแม่ น.ส.จันทร์สม เดิมเป็นชาว อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ตนเป็นลูกชายคนเล็ก ต่อมา พ่อ กับแม่ แยกทางกัน พ่อ ไปอยู่กับพี่ชาย ที่ จ.ระยอง แม่ตรวจพบโรคร้าย เมื่อปี 2528-2529 แพทย์ ที่ จ.ลำปาง ส่ง แม่ให้ รพ.มหาราช ที่ จ.เชียงใหม่ ดูแลเรื่อยมา ต่อมาตน ย้ายมาหางานทำที่ จ.สระบุรี มี แม่มาอยู่ด้วย ก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด แพทย์ที่ เชียงใหม่เคยนัด ที่จะผ่าตัดเนื้อร้าย ให้แม่ แต่พอดี มีโควิดจึงละเลย เรื่อยมาจนปัจจุบันทำให้แม่ มีสภาพตามที่เห็นในปัจจุบัน นายไพรวัลย์ กล่าวเสริมว่า ตนเคยจะนำ แม่ไปโรงพยาบาล แต่แม่ไม่ยอมไป เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่มีสิทธิใช้ 30 บาท แม่กลัวต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงสงสารตนที่ทำงานหาเงินคนเดียว หาก แม่ไปอยู่โรงพยาบาล ตนต้องหยุดงานไปเฝ้า ไม่ได้ทำงานวันละ ( 400) หากหยุดก็ไม่ได้เงิน ผู้สื่อข่าว ได้อธิบายและขั้นตอนการได้สิทธิ 30 บาทว่าปัจจุบัน มีบัตรประจำตัวประชาชนใบเดียวก็สามารถใช้สิทธิรักษาได้ทุก รพ.แล้ว จึงขอให้ นายไพรวัลย์ ได้เกลี้ยกล่อม และทำความเข้าใจ กับ น.ส.จันทร์สม ผู้เป็นแม่ ให้ยอมไปโรงพยาบาลรักษาเถอะดีกว่า อยู่เฉยๆ เหมือนรอวันที่ท่านจะจากไปเท่านั้น ซึ่งนายไพรวัลย์ ก็รับปากว่าจะพยายาม หากแม่ยินยอม ก็จะโทรฯ แจ้ง กลุ่มกู้ภัยฯที่เคยเข้ามาช่วยเหลือให้ ช่วยนำส่งต่อไป
สำหรับความช่วยเหลือ ในกรณีดังกล่าวนี้ หากมีผู้ใจบุญประสงค์จะให้การช่วยเหลือสอง แม่ลูกคู่นี้ โปรดติดต่อ เบอร์โทรศัพท์โดยตรงของนายไพรวัลย์ คือ 0902465808 ตามที่กลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยของมูลนิธิสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี (จุดบ้านหมอ) ร้องผ่านสื่อมวลชน จ.สระบุรี และรายงานให้ต้นสังกัด(สมาคมพุทธสมาคมสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี) ทราบเพื่อขอความช่วยเหลือมีภาพถ่าย พร้อมใจความว่า วานนี้ ( 11 ส.ค.67) กู้ภัยสว่างรัตนตรัยฯ จุดบ้านหมอ ได้เข้าพื้นที่ช่วยเหลือเบื้องต้นกับคุณป้าที่ป่วยเป็นมะเร็งโพรงจมูกเรียบร้อยครับ แต่ที่น่าสงสารก็คือจากสภาพข้อเท็จจริงที่พบและทราบข้อมูลจากลูกชายว่า คุณป้า ตามองไม่เห็นและไม่ได้รับการรักษามา 3-4 ปีแล้ว เพราะคุณป้ากลัวว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง เพราะคุณป้าไม่ใช่คนในพื้นที่ จ.สระบุรี หากท่านใดมีข้อมูลในการเข้าถึงสิทธิ์ในการเข้ารับการรักษาขอความกรุณาช่วยให้ข้อมูลหน่อยครับ คุณป้าน่าสงสารมากอยู่กันสองคนกับลูกชาย กลางวันลูกชายจะออกไปทำงาน แล้วคุณป้าจะอยู่บ้านคนเดียว ตาก็มองไม่เห็น ขอกำลังใจให้คุณป้าหากใครมีข้อมูลหรือต้องการมอบสิ่งของให้การช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ เบอร์ 090-2465808 คูณไพรวัลย์ (ลูกชาย)
ทางด้านนางรัตนาพร หรือกบ แม่ค้าขายกาแฟ เผยว่า ตนเองได้เห็นตามเฟสบุ๊กที่ลูกชายของป้าผู้ป่วยลงเฟสบุ๊กในเรื่องการทำอาหาร และเตรียมอาหารไว้ให้แม่ จากนั้นนายไพรวัลย์ ได้เข้ามาปรึกษาตนเองในเรื่องค่าใช้จ่าย และรายจ่าย ของแม่ตนซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่าย และกระดาษทิชชู ซึ่งต้องใช้เป็นจำนวนมาก ว่าถ้าตนเองจะโพสต์ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จะดูว่าเป็นการน่าเกลียดหรือไม่ ซึ่งน้องเขาก็กลัวว่าสังคมจะว่าตนเองมาหากินกับแม่หรือเปล่า ตนเองจึงบอกไปว่าตนเองรู้จักกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ลองบอกกับเขาดูเผื่อมีหน่วยงานที่จะเข้ามาช่วยเหลือได้ ตนเองจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน จุดบ้านหมอ
นายทวีรัตน์ ปานนาค เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน จุดบ้านหมอ เผยว่าทางเพจกู้ภัยสว่างรัตนตรัยจุดบ้านหมอ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้ป่วยเป็นมะเร็งโพรงจมูก อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านหมอ จึงได้เข้าไปตรวจสอบดู และได้เปิดเพจ เพื่อขอรับบริจาคกระดาษทิชชู และกระดาษเปียก แต่เรื่องการเงินทางเพจไม่ได้เปิดรับบริจาค ขอเพียงแค่กระดาษทิชชู และเครื่องอุปโภค บริโภค และยาแก้ปวด ซึ่งก็มีชาวบ้านร่วมบริจาคมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งเมื่อพบเห็นคุณป้าที่ป่วยก็เกิดความสงสาร และในปีที่ผ่านมาก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือบ้าง แต่เมื่อชักชวนป้าให้ไปรักษาแต่กลับได้รับคำตอบ ปฏิเสธในการรักษา ไม่ยอมไปรักษา เนื่องจากว่ากลัวที่จะต้องไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล กลัวลูกชายจะต้องมาลำบากกับตัวป้าเอง ซึ่งทางเพจจะรับบริจาคแต่เพียงสิ่งของเครื่องใช้ที่ทางลูกชาย และป้าขอมาเพียงเท่านั้น แต่จะไม่ขอรับในเรื่องของการเงิน