“จุลพันธ์” แย้มรายละเอียดดิจิทัลวอลเล็ตเข้า ครม. เมื่อผูกกับเม็ดเงินแล้วเสร็จ ยันมีความคืบหน้าหลายด้าน “เพื่อไทย” ลั่นไม่หนักใจเรตติ้ง “พรรคปชช.” มั่นใจนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” สู้ได้ ด้าน”หมอวรงค์”เตรียมยื่น “กกต.” ตรวจสอบการมีสาขาของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 67 ที่ท้องสนามหลวง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า รายละเอียด โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบจะอยู่ในช่วงที่ผูกกับเม็ดเงิน ดังนั้นจึงต้องรอ แต่อาจมีบางรายละเอียดที่จะต้องมีการเสนอให้ ครม.ได้รับทราบบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็มีความคืบหน้าตามลำดับ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาชน (ปชช.) มีผู้สมัครสมาชิกพรรคจำนวนมาก และสามารถระดมเงินบริจาคได้มากกว่า 20 ล้านบาท ในระยะเวลาดำเนินการเพียงไม่กี่วัน ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้รู้สึกหนักใจ แฟนคลับของใครก็ย่อมสนับสนุนพรรคของตัวเอง เป็นเรื่องปกติ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหน

 “พรรคเพื่อไทยมั่นใจในนโยบายและการแก้ปัญหาความเดือนร้อนให้ประชาชน จะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและเสียงตอบรับจากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยเฉพาะขณะนี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตใกล้จะแจกเงินถึงมือประชาชนในปลายปีแล้ว รวมถึงราคาพืชผลการเกษตรหลายอย่างก็ดีขึ้น ก็ยิ่งจะทำให้เสียงตอบรับของรัฐบาลและพรรคดีขึ้นมาก”

วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า อย่า“ติเรือทั้งโกลน”จ้องเล่นงานพรรคประชาชน จนเกิดกระแสสงสาร เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค จนเหลือส.ส. 143 คนและได้ย้ายไปสังกัดพรรคประชาชนทั้งหมด ทำให้กระแสของพรรคประชาชนเริ่มคึกคักมาทันที มีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคจำนวน 30,000 กว่าคน และมียอดเงินบริจาคสูงถึง 20 กว่าล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความการมีส่วนร่วมของประชาชนทางการเมืองมากระดับหนึ่ง

ในขณะเดียวกันก็มีผู้เตรียมร้องยุบพรรคประชาชน และประกาศขัดขวาง ต่อต้านนโยบายแก้ไขมาตรา 112 พรรคประชาชน ที่ประกาศไม่ลดเพดานลง ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ทุกฝ่ายได้ตั้งสติ ใจเย็นๆ อย่าให้สังคมมองว่าพรรคประชาชนถูกรังแกจนได้รับคะแนนสงสารมากขึ้น น่าจะเปิดโอกาสให้พรรคประชาชนได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองไปก่อนสักระยะหนึ่ง ดีกว่าตั้งหน้าตั้งตาขัดขวาง จองล้างจองผลาญกันตั้งแต่วันเริ่มต้นเลย เมื่อถึงวันนั้นถ้าหากพรรคประชาชนเคลื่อนไหวทางการเมือง มีประเด็นที่ขัดต่อกฎหมาย ก็สามารถยื่นตรวจสอบและยุบพรรคได้

แต่ตอนนี้เหมือนเป็นจุดเริ่มต้น ไม่ควรติเรือทั้งโกลน ควรเปิดโอกาสให้พรรคพลังประชาชนได้แสดงบทบาททางการเมืองไปก่อน ยังมีเวลาที่จะตรวจสอบก่อนถึงวันเลือกตั้งครั้งต่อไป และถ้าหากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งหน้า พรรคประชาชนสามารถครองใจคนได้ และได้คะแนนจำนวน ส.ส.มากที่สุด ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน และเปิดโอกาสให้พรรคประชาชนจัดตั้งรัฐบาล ไม่ควรมีเกมการเมืองมาขัดขวาง หรือทำลายเจตนารมย์ของประชาชน ที่แสดงออกผ่านผลการเลือกตั้ง

ในฐานะที่เป็นนักการเมืองมาก่อน และปัจจุบันไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด ไม่ได้เชียร์หรือสนับสนุนพรรคประชาชนเลย แต่ขอแสดงความเห็นทางการเมืองในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองคนหนึ่ง อยากให้พรรคประชาชนได้เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่าเคลื่อนไหวแบบท้าทายผู้มีอำนาจ ซึ่งถ้าหากการเคลื่อนไหวใดๆที่เกิดขึ้นขัดต่อกฎหมาย และถึงขั้นต้องยุบพรรคอีก ก็จะเป็นคำทำลายคะแนนเสียงที่เลือกพรรคประชาชนเข้ามา เป็นการทำลายโอกาสของพรรค และพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนทั่วประเทศอีกด้วย

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม – Warong Dechgitvigrom ว่า หลังจากที่เราออกมาเปิดเผย ว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บ กกต. พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีสาขาพรรคแค่ 2 ภาค ไม่ครบ 4 ภาค มีความเสี่ยงที่ถูกยุบ มีผลทำให้พรรคประชาชน มีโอกาสสิ้นสภาพพรรค

ต่อมาคนของพรรคประชาชน ออกมาตอบโต้ว่าผมไม่อัปเดตข้อมูล และยืนยันว่าตอนนี้มีสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค และนายแสวง บุญมีเลขาธิการ กกต. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า 1 สัปดาห์ก่อน มีการประชุมจัดตั้งจนครบประเด็นที่ต้องตรวจสอบคือ เราไม่ได้ตรวจสอบตอนปัจจุบัน “ตอนนี้คุณมีครบแต่ย้อนหลังคุณอาจจะมีไม่ครบ” กกต. ต้องตรวจสอบการมีสาขาย้อนหลังของพรรคนี้ ไปจนถึงวันที่กฎหมายพรรคการเมืองมีผลบังคับ นั่นคือต้องตรวจสอบการมีสาขาครบ 4 ภาค ไปถึงปี 2560 เพราะเลขาธิการ กกต. ออกมายอมรับเองว่า เพิ่งมีการจัดตั้งจนครบ ถ้าหากพรรคการเมืองไปเซ้งพรรคที่สิ้นสภาพ เพราะมีสาขาไม่ครบ 4 ภาค ติดต่อกัน 1 ปี ต่อไปพรรคนี้จะเป็นเช่นไร จะสิ้นสภาพตามหรือไม่ พรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องเป๊ะ เพื่อความโปร่งใส พรรคไทยภักดีจะไปยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ การมีสาขาของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล จากระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองย้อนหลัง ในวันพุธที่ 14 ส.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน กกต.