จากกรณีมีผู้โพสต์ ไลฟ์สด บน application facebook ที่ใช้ชื่อว่า สันติสุข โฉมพุ่ม กับเหตุการณ์วิวาทะ ระหว่าง หนุ่มขับแท็กซี่กับสาวขับเบนซ์ ซึ่งทราบในเวลาต่อมาว่า เป็นภายในบริเวณ คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9

ทางผู้สื่อข่าวจึงติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ไปยัง พ.ต.อ. ประสมโชค เนียมพินิจ  ผกก.สน.ห้วยขววาง ถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.40 น.ของวันที่ 08 ส.ค.67 โดยเกิดขึ้นมาจากการกระทบกระทั่งกันในการใช้รถใช้ถนน ระหว่างรถแท็กซี่กับรถเบนซ์ซึ่งเป็นคู่กรณี โดยเริ่มแรกมีการลงมาปะทะด้วยวาจากันก่อน จนกระทั่งเหตุการณ์บานปลายดังที่ปรากฏในคิปที่เห็น ซึ่งถึงขั้นมีการลงไม้ลงมือ ทำร้ายร่างกายกัน 

หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางไประงับเหตุ ก็ได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาพบพนักงานสอบสวนที่ สน .ห้วยขวาง จากนั้นได้มีการสอบปากคำ คู่กรณี พร้อมทั้งมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ไว้เป็นหลักฐานเป็นที่เรียบร้อย ส่วนปริมาณค่าแอลกอฮอล์ ที่ตรวจวัดนั้นขอเก็บไว้เป็นสำนวน และเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีการทำร้ายร่างกายกัน จึงได้มีการทำใบส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจรักษาก่อน และได้มีการนัดหมายทั้ง 2 ฝ่าย  ทั้งฝ่ายคนขับแท็กซี่ และฝ่ายสุภาพสตรีที่ขับรถเบนซ์เข้ามาให้ปากคำโดยละเอียด เมื่อวันที่ 9 ส.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นที่เรียบร้อย 

โดยวันนี้ (10 ส.ค.67) ทางพนักงานสอบสวน ก็ได้มีการเรียกตัวพยาน 2 คน ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่อยู่ในที่เกิดเหตุและได้มีการเข้าไปห้ามปรามมาสอบปากคำรายละเอียดด้วยเช่นกัน เพื่อใช้ประกอบในสำนวนคดี ส่วนทางด้านฝ่ายสืบสวน ก็ได้ลงพื้นที่ ไล่เก็บกล้องวงจรปิด ทั้งในส่วนของคอนโดดังกล่าวและบริเวณถนน ก่อนที่จะเข้าคอนโดเพื่อลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่จุดที่เริ่มมีการกระทบกระทั่งกันบนท้องถนน จนไปถึงบริเวณคอนโด ที่เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งมีการลงมากระทบกระทั่งกันทั้งวาจาอีกครั้ง จนกระทั่งเกิดลมไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน 

ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวน ได้เก็บกล้อง ลำดับเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของ พนักงานสอบสวน แต่ในเบื้องต้นทางคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการเข้าให้ปากคำ และต่างแจ้งข้อกล่าวหาซึ่งกันและกัน ซึ่งการกระทำของแต่ละฝ่าย ก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งในการแจ้งข้อกล่าวหานี้ พนักงานสอบสวนต้องนำมาประกอบกับ พยาน และหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิด ก่อนที่จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ส่วนทางด้านบุคคลที่ 3 ที่มีการกล่าวอ้างถึง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจยศสัญญาบัตร ในสังกัดแห่งหนึ่ง ซึ่งจากกรณีนี้ก็จะมีการเชิญมาให้ปากคำด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะนำมาประกอบในสำนวนด้วย

พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง ยังกล่าวย้ำและยืนยันอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจ ส่วนไหนอย่างไร ทางพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง จะดำเนินการตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่ปรากฏและจะทำอย่างตรงไปตรงมา และขอให้ความมั่นใจกับคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะได้รับความเป็นธรรม