วันที่ 9 สิงหาคม 2567 พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา สารวัตรกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกำลัง ชุดปฏิบัติการ สส.3 และ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.บางเสาธง , กองกำกับการสืบสวนปราบปราม บก.ตม.2 ได้ร่วมกันไล่กล้อวงจรปิดหาเบาะแสของคนร้ายที่ไปก่อเหตุงัดห้องพักของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ เหตุเกิด ภายในเอื้ออาทรสุวรรณภูมิ 1 ตำบลศีรษะจระเข้ใหญ่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุมาแล้วเกือบ 10 ห้องภายในห้วงเวลาไม่กี่วัน นอกจากนั้นยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกคนร้ายงัดห้องพักตามตึกต่าง ๆ
ซึ่งจากภาพวงจรปิดดังกล่าว ไปพบชายต้องสงสัยสวมชุดสีดำขับขี่รถจักรยานยนต์สีดำแดง คันหนึ่ง ขับออกมาจากตึกของผู้เสียหาย ฝ่ายสืบสวนจึงไล่กล้องตามเส้นทางจนกระทั่งไปพบว่า ชายต้องสงสัยรายนี้ ขับขี่กลับเข้าไปที่ตึก 62 ฝ่ายสืบสวนจึงวางกำลังเฝ้าติดตามนานกว่า 3 ชั่วโมง กระทั่งพบชายต้องสงสัยตามภาพวงจรปิด ทราบชื่อ นาย ยงยุทธ์(หรือยุทธ) อายุ 47 ปี ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวขอตรวจค้น ซึ่งเจ้าตัวตอนแรกยังให้การปากแข็ง แต่สุดท้ายจำนนด้วยหลักฐาน จึงรับสารภาพว่าไปก่อเหตุมาจริงสด ๆ ร้อน ๆ ก่อนจะนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพัก จนไปเจอทรัพย์สินของผู้เสียหายหลายรายการ รวมถึงเงินสด และเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหารายนี้ ใช้สวมใส่และนำกลับมาแช่ในกะละมัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวขยายผลเพื่อนร่วมแก๊ง จนสามารถตามไปจับกุมผู้ก่อเหตุอีกราย ทราบชื่อ นาย วัฒนา อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกัน จึงนำตัว นายยงยุทธ์ และ นายวัฒนา ทั้งสองคน พร้อมของกลางทั้งหมดมาบันทึกจับกุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.บางเสาธง โดยมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นาย ยงยุทธ์(หรือยุทธ) อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในอาการสายตาวอกแวก หน้าตาซูบผอม คล้ายกับคนเสพยามาอย่างหนัก เจ้าตัวยอมรับว่า ตนเองเสพยาทุกวันละวันหนึ่งถึงสองเม็ดหากวันไหนมีมากก็จะเสพมาก ช่วงบ่ายวันนี้ไปก่อเหตุงัดห้องของเจ้าหน้าที่ ตม มาจริง โดยได้สุราต่างประเทศและเงินสดกว่าหมื่นบาทรวมถึงนาฬิกาข้อมืออีกสองเรือน หลังก่อเหตุเสร็จก็ขับรถจักรยานยนต์กลับมาพักที่ห้องพัก กระทั่งใกล้เวลาเลิกงานของภรรยา จึงลงมาเพื่อเตรียมไปรับภรรยาแต่ถูกตำรวจดักจับตัวได้เสียก่อน ที่ผ่านมาทำมาแล้วหลายครั้ง ทำจนจำครั้งไม่ได้ ทรัพย์สินที่ได้มาก็จะเอาไปขายต่อเพื่อนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ
ขณะที่ นาย วัฒนา อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาอีกราย ยอมรับว่าร่วมกันก่อเหตุจริง โดยตนเองถูก นายยุทธ ชักชวน และให้ตนเองทำหน้าที่คอยดูต้นทางว่ามีใครกลับมาตึกหรือไม่ ถามว่าทราบไหมว่าตึกดังกล่าวเป็นตึกห้องพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าตัวบอกว่าทราบ แต่จะอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ออกไปทำงาน ทำให้ตึกเงียบและไม่มีคน จึงลงมือก่อเหตุ ซึ่งเพิ่งทำมาแค่ครั้งสองครั้ง
ขณะที่ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายนำหลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิดผู้ต้องหา โดยเฉพาะ นายยุทธ มาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเคยถูกคนร้ายรายนี้ตามภาพวงจรปิดเข้าไปงัดห้องและขโมยทรัพย์สินมาแล้วหลายเดือนที่ผ่านมา
ตำรวจจึงคุมตัวแจ้งสิทธิผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันบุกรุกเคหะสถาน / ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำลายสิ่งกีดกั้นหรือปกป้องทรัพย์นั้นไป / ร่วมกันรับของโจร โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการหลบหนีหรือพาทรัพย์นั้นไป นอกจากนั้นยังมีข้อหาเสพสารเสพติดให้โทษอีกด้วย