GPSC รับกำไร Q2/2567 จำนวน 1,429 ล้านบาท โต 362% สะท้อนดีมานด์ไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับศักยภาพการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนการผลิต พร้อมเดินหน้ารุกพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง รับกระแสการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมพลังงานโลกในระยะยาว
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีรายได้ทั้งสิ้น 23,877 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 362% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (QoQ) กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 65 % เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ SPP (Small Power Producer) ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61 % เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกปี 2566 เนื่องจากความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งมีมาร์จินการขายไฟฟ้ากลับมาสู่ในระดับปกติ จากสถานการณ์พลังงานที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงานอื่นๆ ตามแผนควบคุมงบประมาณของบริษัทฯ
ขณะที่บริษัทฯ ยังคงรุกการขยายพอร์ตด้านพลังงานหมุนเวียน โดยโชว์ผลสำเร็จผลการชนะการประมูลในโครงการต่างๆ ของ Avaada Energy ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีโครงการใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างและการพัฒนา รวม 11.5 GW และกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 4.5 GW รวมทั้งสิ้น 16 GW ซึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ นับเป็นความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาพลังงานสะอาดและนวัตกรรมพลังงานของ Avaada Group และ GPSC ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
ทั้งนี้ ภาพรวมการดำเนินงานของ GPSC ยังคงให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งทางด้านภาคการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงิน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการแสวงหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2603 ที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้