วันที่ 9 ส.ค. 2567 ที่ตึกไทยซัมมิททาวเวอร์ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์หลังการแถลงประชุมใหญ่พิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรคและเปลี่ยนชื่อพรรคก้าวไกลใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ถึงกรณี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน มีความมั่นใจหรือไม่ ว่า มั่นใจมาก เพราะนายณัฐพงษ์พิสูจน์ตัวเองมาเยอะ ผ่านการทำงานที่ได้รับการยอมรับ ทั้งจากสส.และสมาชิกพรรค ดังนั้น ตนมองว่านายณัฐพงษ์ มีความเหมาะสมในการเป็นผู้นำพรรคในเวลานี้
เมื่อถามต่อว่าแนวทางของพรรคใหม่จะเป็นที่พอใจของประชาชนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรายังคงทำหน้าที่ ทั้งการตรวจสอบงบประมาณและการเสนอกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของประชาชน ในส่วนนโยบายอื่น ๆ ที่คิดไปถึงการเลือกตั้งในครั้งต่อไป เราไม่ได้ถกเถียงกันในเวลานี้ แต่เชื่อว่านโยบายหลายอย่างจะให้ความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อให้คนเท่ากัน ทลายทุนผูกขาด และเปลี่ยนสังคมไปในทางที่ดีขึ้น
เมื่อถามเพิ่มเติมว่ามีหลายฝ่ายจับตาว่า พรรคอาจจะมีการลดระดับประเด็นเรื่องมาตรา 112 นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคุยเรื่องนี้ เพราะวันนี้เราเพิ่งมีชื่อพรรค ส่วนใหญ่คุยกันเรื่องกรรมการบริหารพรรคและมีการพูดคุยเล็กน้อย ยังไม่พูดคุยเรื่องทิศทางใหญ่ ตนมองว่าเรามีเวลาพอสมควรที่จะคุยเรื่องทิศทางของพรรคในอนาคต
เมื่อถามอีกว่าสำหรับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังไปสวนคดีที่เกี่ยวกับ สส. 44 คนที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ มาตรา 112 นั้น นายรังสิมัสต์ กล่าวว่า แน่นอนว่า ป.ป.ช. มีอำนาจในการตรวจสอบ แต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วผู้ใช้อำนาจนั้นก็ต้องรับผิดรับชอบเช่นเดียวกัน หากเป็นการกลั่นแกล้งผู้ใช้อำนาจก็ต้องรับผิดรับชอบเช่นเดียวกัน ประเด็นของปัญหานี้ที่จะชี้ว่าเราทำความผิดจนถึงขนาดที่ว่าจะส่งศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ต้องดูว่าสุดท้ายแล้วตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมหรือไม่ มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่