เบนซ์หัวร้อน เฉี่ยวชนกู้ภัยแล้วหนี พร้อมกับใช้ถ้อยคำดูถูกเหยียด อ้างว่าถ้าลงไปจากรถกลัวจะไม่ปลอดภัย นอกจากกู้ภัยไว้ผมยาวดูน่ากลัว 

จากกรณีที่กู้ภัยบุปผารามโพสต์ภาพเหตุการณ์ชายคนหนึ่งขับรถเก๋งเบนซ์สีบรอนซ์ทองเบียดรถกู้ภัยจนเป็นรอยบริเวณกระจังหน้าด้านซ้าย ต่อมาได้มีการพูดคุยเจรจากัน แต่ตัวคนขับรถเก๋งเบนซ์กับพูดจาต่อว่ากู้ภัยแล้วขับหนี เลยต้องขับรถกู้ภัยตามรถเบนซ์คันดังกล่าว สุดท้ายต้องขอความช่วยเหลือให้วินมอเตอร์ไซค์ในละแวกนั้นช่วยสกัดจับ แต่ไม่สามารถสกัดได้ คนขับรถเบนซ์ยังขับหนีออกไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณ แยกตากสิน ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต่อเนื่องยาวไปจนถึงวงเวียนใหญ่ ท้องที่ สน.บุปผาราม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณช่วงเย็น 

โดยจากภาพคลิปกล้องหน้ารถของกู้ภัย จะเห็นว่า รถกู้ภัยได้ขับมาบนถนนกรุงธนบุรี จากฝั่ง BTS วงเวียนใหญ่และเตรียมจะเข้าเลนเลี้ยวขวาที่แยกตากสิน เพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปทางวงเวียนใหญ่ ในระหว่างที่รถกำลังชะลอตัวเลี้ยวขวาอยู่นั้น ก็มีรถเก๋ง Toyota สีดำ ขับตัดหน้าเข้ามา พร้อมกับมีรถเบนซ์สีบรอนซ์ทองพยายามขับแทรกมาทางฝั่งซ้ายของรถ จน กู้ภัยบนรถต้องเปิดเสียงไซเรนเตือนและพูดผ่านเสียงตามสายว่า ให้รถเบนซ์เบี่ยงเข้าซ้ายไป 

 

ปรากฏว่า รถเก๋งเบนซ์กับจอดขวางรถกู้ภัย ก่อนที่ตัวคนขับรถเบนซ์ก็ลงมาจากรถด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพื่อดูบริเวณท้ายรถฝั่งขวา ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนรถก็ได้พูดคุยกันว่า รถเก๋งเบนซ์คันนี้ขับโดนรถกู้ภัย จนกู้ภัยต้องลงไปพูดคุยกัน ทั้งสองฝ่ายโต้คารมถกเถียงกันเป็นเวลาประมาณ 1 นาที 30 วินาที แล้วอยู่ดี ๆ คนขับรถเบนซ์ก็เดินขึ้นรถไป จะเห็นว่ากู้ภัยทั้งสองคนได้พยายามเดินตามและเรียกให้ลงมาคุยต่อ แต่คนขับรถเบนซ์ไม่สนใจ แล้วขับรถมุ่งหน้าต่อไปทางวงเวียนใหญ่ทันที 

ทางกู้ภัยเลยต้องขับรถตามเพื่อมาพูดคุยให้รู้เรื่อง แต่เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างมาก เพราะเนื่องจากถนนเส้นดังกล่าวอยู่ในระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน จึงทำให้หนึ่งในกู้ภัยต้องวิ่งตามรถคันนั้นแทน แล้วให้รถกู้ภัยขับตามมาทีหลัง พร้อมกันนี้ยังได้วิทยุประสานงานกันว่า เจอตัวรถเป็นคู่กรณีแล้วบริเวณป้อมวงเวียนใหญ่ 

อีกคลิปหนึ่ง จะเห็นว่าวินมอเตอร์ไซค์และชาวบ้านในละแวกนั้น พยายามที่จะขัดขวางรถเบนซ์คันดังกล่าวพร้อมเคาะกระจกให้คนขับรถเบนซ์ลงมาพูดคุย แต่คนขับรถเบนซ์ไม่ลงมาแต่อย่างใดและได้ขับรถออกไปทันที โดยไม่สนใจวินมอเตอร์ไซค์และชาวบ้านที่พยายามตะโกนเรียกให้ลงมาพูดคุยกัน


ทีมข่าวลงพื้นที่มาคุยกับนายเรวัตร รัตนศักดิ์ไกวิล เจ้าหน้าที่อาสาสมัครปอเต็กตึ้งบุปผาราม เล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00. น. ตนได้รับแจ้งเพลิงไหม้บ้านภายในซอยจันทน์ 43 แต่พอไปถึงพบว่าเพลิงสงบแล้ว จึงยกเลิกและตีรถกลับมาเพื่อประจำจุด แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุ ก็เห็นว่ามีรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง เลี้ยวเข้ามาแล้วขับผ่านไป จากนั้นรถเบนซ์คู่กรณีก็พยายามจะเบียดแทรกเข้ามา จนทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้น คู่กรณีก็ได้เปิดประตูลงมาจากรถ ตนจึงลงไปพูดคุย ซึ่งคู่กรณีก็บอกว่า ถ้าแค่สีถลอกเช็ดก็ออกแล้ว แต่ถ้ารถบุบ เดี๋ยวเจอกัน 

จากนั้นคู่กรณีก็ได้กลับไปที่รถ พร้อมกับขับรถหนีไปทางถนนตากสิน ตนจึงวิ่งลงจากรถเพื่อตามไปเคาะกระจกพยายามเรียกให้ลงมาพูดคุยกัน แต่คู่กรณีก็ไม่ยอมฟัง ก็ได้ขับรถหนีออกไปอีก 

ขณะนั้นตนได้พยายามตะโกนบอกชาวบ้านว่าถูกชนแล้วหนี จนทำให้วินจักรยานยนต์รับจ้าง และชาวบ้านก็พยายามเข้ามาขวางให้รถคู่กรณีหยุด แต่ก็ไม่เป็นผลเกือบจะถูกขับรถชนเช่นเดียวกัน 

กระทั่งตามไปที่บ้านของคู่กรณี ก็ได้พยายามตะโกนเรียกให้ออกมาพูดคุยกันอยู่นาน จนมีพ่อของคู่กรณีออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจริงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ต่อมาลุงของผู้ก่อเหตุก็ได้ออกมา พร้อมกับพูดจาดูถูกเหยียดหยามตนและวินจักรยานยนต์รับจ้าง จึงมีการนัดหมายว่าจะไปเคลียร์กันที่ สน. โดนในระหว่างที่กำลังจะไปสน.นั้น ชาวบ้านภายในซอยก็ให้ข้อมูลว่า คู่กรณีมีนิสัยชอบใช้ความเร็วในการขับรถ และลุงของคู่กรณีเป็นนายทหารเก่า แต่ตนก็ไม่ได้สนใจและไม่รู้ว่าข้อมูลดังกล่าวจริงเท็จหรือไม่ 

เมื่อมาถึง สน. ลุงของผู้ก่อเหตุก็ยังใช้ถ้อยคำเหยียดหยามตนไม่หยุด พร้อมกับอ้างว่า ที่หลานของตนต้องขับรถหนีเนื่องจากกู้ภัยไว้ผมยาวดูน่ากลัว ถ้าห่างลงจากรถไปกลัวจะถูกทำร้าย จึงถอยมาตั้งหลักที่บ้านเท่านั้น ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาตกลงกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนยังติดใจอยู่คือเรื่องที่ลุงของคู่กรณีใช้ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามตน 

ด้าน  วินจักรยานยนต์รับจ้าง เล่าให้ฟังว่า ขนาดนั้นตนไปส่งผู้โดยสาร เมื่อกลับมาถึงแยกวงเวียนใหญ่ ก็ได้ยินคนตะโกนว่าถูกขับรถชนแล้วหนี ตนจึงเข้าไปช่วยเอาแบริเออร์มาตั้งขวางไว้ พร้อมกับพยายามจะเข้าไปเคาะกระจกบอกให้ลงมา แต่ชายคนดังกล่าวก็ได้ขับรถพุ่งออกไปจนเกือบจะชนตน 

ด้านวินจักรยานยนต์รับจ้าง พี่ตามชายคนดังกล่าวไปจนถึงบ้าน ให้ข้อมูลว่า เมื่อตามเข้าไปที่บ้านของชายคนดัง ต้นก็พยายามตะโกนเรียกให้ออก จนป้าของชายคนดังกล่าวออกมา พร้อมกับบอกว่าชายคนดังกล่าวนิสัยไม่ดี ตนตักเตือนไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว 

ส่วนทางด้านคดีความ พันตำรวจเอก รัตน์เกล้า อาณานุการ ผู้กำกับการ สน.บุปผาราม ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า หลังจากที่ได้สอบปากคำทั้งสองฝ่าย ได้ความว่า หลังเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยโต้เถียงกัน แล้วหลังจากนั้นทางฝั่งรถเบนซ์เองเกิดความหวาดกลัว เพราะคิดว่าฝั่งรถกู้ภัยจะพาพวกมาคุกคาม เลยรีบขับรถมาตั้งหลักที่บ้าน ก่อนที่ทางกู้ภัยที่ถูกชนจะพากันมาตามจนสามารถพาทั้งสองฝ่ายมาที่สถานีตำรวจได้ 

เมื่อมาถึง ทั้งสองฝ่ายก็มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย เนื่องจากทางฝั่งรถเบนซ์เองตอนแรกก็ไม่ยอมรับ จนกระทั่งได้เปิดกล้องหน้ารถ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ชี้ชัดว่า ฝั่งรถเบนซ์นั้นได้ขับล้ำมายังเลนเลี้ยวขวาที่รถกู้ภัยขับอยู่จริง จนเกิดการเบียดชน ซึ่งฝ่ายรถเบนซ์เองก็ยอมรับและได้ตกลงกันว่า จะให้ประกันภัยรถยนต์ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับค่าเสียหาย ซึ่งถือว่าเคสนี้นั้นในทางตำรวจถือว่าจบแล้ว เพราะเนื่องจากอุบัติเหตุดังกล่าวนั้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่เป็นความผิดทางอาญา จึงให้ทั้งประกันภัยทั้งสองฝ่ายไปพูดคุยตกลงค่าเสียหายทางแพ่งกันเองต่อไป