กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย  และ ผู้ก่อเหตุรุนแรง เสียชีวิต 1 ราย พบประวัติ เคยถูกควบคุมตัวและเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ 

จากกรณีเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 06.00 น. ที่ผ่านมา กรณีเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ บ้านย่อยบ้านไอโชร์ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. พันเอก เอกวริทธิ์  ชอบชูผล โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 06.00 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดนราธิวาส ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาเคลื่อนไหวหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่ บ้านย่อยบ้านไอโชร์ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส โดยในระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่อยู่นั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ใช้อาวุธปืนสงครามเปิดฉากยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดทางหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะกันขึ้น

ภายหลังการปฏิบัติพบ เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 นาย และผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายอัมรี  อายุ 43 ปี อยู่ หมู่ที่ 7 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ตรวจพบเคยถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 และมีประวัติเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ ดังนี้
1. เหตุคนร้ายยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ ในพื้นที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561
2. เหตุตรวจพบหลุมต้องสงสัยคล้ายหลุมระเบิด ริมถนน หมายเลข 4217 พื้นที่ บ้านไอร์โซ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567
3. เหตุพบแหล่งพักพิงและเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมฯ ณ บ้านไอกูเล็ง ตำบลศรีบรรพต เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 

ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานฯ เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบวัตถุพยาน ประกอบด้วย 1. ปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน, 2. ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ จำนวน 1 ลูก, 3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง และ 4. กระเป๋าพร้อมอุปกรณ์ยังชีพจำนวนหนึ่ง จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อขยายผลหาความเชื่อมโยงติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

สำหรับในขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส เน้นการดำเนินการจากเบาไปหาหนัก และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สำหรับในกรณีนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบพื้นที่ เพื่อเตรียมการให้ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เข้าร่วมเจรจาเกลี้ยกล่อม ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ยอมมอบตัว แต่กลับถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ทำการยิงจนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ และนำมาซึ่งการปะทะกันจนเกิดการสูญเสียดังกล่าว

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังคงมีเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติวิธี โดยพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้กระทำผิดเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม และให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองตามกระบวนการของกฎหมาย รวมถึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากผู้ใดพบเบาะแส หรือพบวัตถุต้องสงสัย รวมถึงบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ