จากกรณีวานนี้ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.ไทรน้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสภ.ไทรน้อย ได้ร่วมจับกุมตัวนายวัชรากรณ์ อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 688/2567 ลงวันที่ 3 ส.ค.67 ในข้อหา ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนโดยขู่เข็นว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์สินนั้น, มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุอันสมควร,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน พร้อมของกลาง คือ อาวุธปืนแม็กกาซีนขนาด .45 พร้อมกระสุนปืนจำนวน 6 นัด

สืบเนื่องจากนายวัชรากรณ์ ผู้ต้องหารายนี้​ก่อเหตุ​เมื่อวันที่ (1 ส.ค.67) ที่ผ่านมา​ เวลาประมาณ 07.00 น. สภ.ไทรน้อย ได้รับแจ้งเหตุ ชิงทรัพย์ จึงได้เดินทางตรวจสอบ ทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 1 คน นั่งโดยสารรถยนต์แท็กซี่สีเขียว- เหลือง หมายเลขทะเบียน 1 มคxxxx กรุงเทพมหานคร โดยมีนายนิวัตร เป็นผู้ขับขี่ รับผู้ก่อเหตุมาจากบริเวณหน้าหมู่บ้านพฤกษา 3 ท้องที่เขตบางบัวทอง คนร้ายจะให้ไปส่งผู้สูงอายุและเรียกรถมาหลายคันแล้วไม่มีใครรับคนร้ายผู้เสียหายจึงได้รับขึ้น​ รถแล้วขับรถตรงมาทางแยกไฟแดง อบต.หนองเพรางาย เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้าย บอกให้จอดรถข้างทางได้ชักปืนพกสั้นสีเงิน​แบบลูกโม่ บังคับให้ส่งมอบเงิน ผู้เสียหายตกใจจึงรีบวิ่งหนีและได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืนดัง 1 นัด แล้ว คนร้ายได้ขับรถยนต์แท็กซี่ และเงินสดที่อยู่ในรถประมาณ 3,000 บาท หลบหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เรียกรถจักรยานยนต์ที่สัญจรไป เพื่อขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ อบต.หนองเพรางาย ได้นำตัวผู้เสียหาย มาส่งสภ.ไทรน้อย เพื่อแจ้งความดำเนินการตามกฎหมาย

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ 8 ส.ค.67 ดวลา 11.00 น. ที่สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.ไทรน้อย ได้นำตัวนายวัชรากรณ์ ผู้ต้องหา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งหมด 3 จุด จุดแรก เป็นจุดที่เรียกรถแท็กซี่บริเวณหน้าหมู่บ้านพฤกษา 3 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง ก่อนจะก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์บริเวณถนนอนามัยลิ้มกุล ม.3 ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จุดที่สอง คือ จุดที่คนร้ายนำรถแท็กซี่ไปทิ้งไว้ ภายในซอยวัดเต็มรัก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และจุดที่สาม ห่างจากจุดที่สองประมาณ 100 เมตร คนร้ายนำกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายโยนทิ้งลงคูน้ำ วัชรากรณ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า มูลเหคุที่ตนได้ก่อเหตุลงไปเพราะตนเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถจยย. มีปัญหาเรื่องเงินไม่พอจ่ายค่าเช่าอู่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถจยย. จึงคิดสั้นไปก่อเหตุด้วยอารมณ์ชั่ววูบได้เงินสดไปจำนวน 3,000 บาท ยืนยันว่าไม่ได้ติดการพนัน ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเหตุ ตนต้องการที่จะเอาเงินอย่างเดียว ไม่มีเจตนาจะเอาชีวิต และรถแท็กซี่ ส่วนเรื่องที่มีการใช้อาวุธปืนยิงบนแท็กซี่ สาเเหตุเป็นเพราะปืนลั่น ตนไม่ได้ยิงตนตกใจแล้วปืนหล่นกับพื้นจึงลั่นออกมา สุดท้ายก็อยากขอโทษคุณลุงเจ้าของรถแท็กซี่ว่าตนไม่ได้ตั้งใจเป็นอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ

พ.ต.อ.เมษนนท์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค.67 ทางตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกับฝ่ายสืบสวนภาค1 ได้ทำการติดตามตัวไล่กล้องวงจรปิดตามหาคนร้าย จนกระทั่งรู้ตัวคนร้ายแล้วได้มีการออกหมายจับ ซึ่งล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา ทางผู้ต้องหาได้ติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจจึงทำการจัฃกุมตามหมายจับ จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุถึงมูลเหตุ ให้ความว่า เปิดร้านซ่อมรถจยย. มีปัญหาทางธุกิจ กู้หนี้นอกระบบ หาเงินไม่ทันจึงคิดสั้น จึงนำอาวุธปืนที่เป็นปืนมรดกของบ้าน ไปก่อเหตุโบกแท็กซี่เรียกลงไปที่เปลี่ยว แล้วทำการก่อเหตุ ซึ่งรถซี่ดังกล่าวเป็นรีโมทสตาจ กูญแจอยู่ผู้เสียหาย จึงทำให้ระบบรถขัดข้องไม่สามารถขับต่อได้ ผู้ต้องหาจึงนำรถไปทิ้งไว้ในที่เปลี่ยว จากนั้นลงจากรถนำเงินในกระเป๋าสตาฝค์ผู้เสียหายไปจำนวน 3,000 บาท ก่อนโยนกระเป๋าทิ้งแล้วหลบนีไป

ส่วนประเด็นที่มีการใช้อาวุธปืนยิง ทางผู้ต้องหาได้อ้างว่าปืนลั่น ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ อยู่ระหว่างพิจารณาในการแจ้งข้อหาเพิ่มคดี พยายามฆ่า เนื่องจากทิศทางของลูกกระสุนปืนพุ่งตรงไปบริเวณที่นั่งคนขับ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพกพาอาวุธปืน ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และคดียาเสพติด จ.นนทบุรี