"เศรษฐา" ให้กำลังใจ “ก้าวไกล” ประกาศเดินหน้าการเมือง เชื่อเคารพคำตัดสินศาล เผย”กต.”พร้อมแจงประเทศมหาอำนาจที่ไม่เห็นด้วย "เรืองไกร"จี้ “ปปช.”รีบชงเรื่องศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 44 สส.ฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ “วิโรจน์” ซัด "เรืองไกร" สร้างวิบากกรรมให้ประเทศ บอกใช้หัวใจเช็กเพื่อน "ส.ส." ไปไหนไปด้วยกัน ไม่เชื่อซื้องูเห่า 30 ล้าน แค่หมาหยอกไก่

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.67  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ที่เหมือนเป็นการปลุกระดม ว่า ตนคิดว่าอย่าใช้คำว่าปลุกระดม และคิดว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพรรคก.ก.ที่จะให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน และตนเข้าใจว่าเป็นการประกาศที่จะเดินหน้าการเมืองต่อไป ก็ขอให้กำลังใจ ในการที่จะต้องทำงานต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของทางการเมืองไป และตนได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้มีข่าวอะไร ที่ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการปลุกระดม หากจะใช้คำนี้ไม่มีหรอก และตนก็มั่นใจว่าทางพรรคก.ก. เคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางการเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมืองที่ต้องเดินต่อไป ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ได้มารายงานเรื่องการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ เป็นไปด้วยความสงบทุก ๆ ฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรามีวิถีการที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยของเราให้เป็นไปตามขั้นตอน ที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไป ตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว

"ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป " นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจในบริบทของประเทศไทยหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า  เดี๋ยววันนี้ในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศจะแถลงข่าว ซึ่งตนได้ดูแล้วก็เป็นถ้อยคำที่โอเค ไม่ก่อให้เกิดการระหองระแหง ขอใช้คำนี้ดีกว่า เขาก็เป็นประเทศที่ใหญ่ ก็มีความเป็นห่วง และเป็นความปรารถนาดี ส่วนเราก็มีวิธีการเดินของเรา  เมื่อถามต่อว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือนส.ค. นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน แต่ก็จบไปแล้วอันหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ ในเรื่องของตนวันที่ 14 ส.ค. อย่างที่ตนเรียนไปแล้วว่าได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะพูดอะไร ด้วยความเคารพเชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 ส.ค.ก็คงจะทราบเรื่อง ส่วนวันนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 ส.ค.ยังทำงานปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยิ่งใกล้วันที่ 14 ส.ค.ไม่ได้ทำให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวยอมรับว่า ตนกังกล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอด เมื่อถามอีกว่า ภาคเอกชน ไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรค ก.ก. เท่ากับคดีของนายกฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายเศรษฐา กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำ ให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ตนขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่

 เมื่อถามว่า หากดูจากตารางงานนายกฯ ยาวเลยวันที่ 14 ส.ค. นายเศรษฐา  กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องมีการแพลนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ตรงนี้ต้องขอให้เข้าใจด้วย  เมื่อถามต่อว่า จะฝากอะไรไปถึงประชาชนให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีการสื่อสารกันดีอยู่แล้ว และรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว การตัดสินของศาลเราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่ ซึ่งตนพูดมาโดยตลอดตรงนี้  เมื่อถามว่า ตำแหน่งรองประธานสภาที่ว่างลง จะให้พรรคภูมิใจไทย(ภท.)หรือไม่ ได้คุยกับพรรคเพื่อไทย(พท.)หรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปคุยกัน

วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ส่งหนังสือ ด่วนที่สุดทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ป.ป.ช. รีบดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการขอคัดสำเนาคำวินิจฉัยและสรรพเอกสารในสำนวนคดีทั้งสองจากศาลรัฐธรรมนูญมาถือเป็นพยานหลักฐานในสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ตามนัยมาตรา 235 วรรคหนึ่ง ประกอบนัยมาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) และรีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) ต่อไปว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกลจำนวน 44 คน มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จี้ให้สอบ 44  ส.ส.พรรคก้าวไกล ยื่นแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ว่า พรรคการเมืองที่พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง และพยายามผลักให้ประเทศเดินไปข้างหน้า โดยส่วนมากก็จะมีวิบากกรรมเช่นนี้ แต่ตนคิดว่าถ้าเราเจอกับวิบากกรรม คนที่เขาสร้างวิบากกรรมอย่างนี้ เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองเป็นเหมือนเดิม ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในกรอบที่เขาอยากให้เป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้บ้านเมืองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างที่ประชาชนอย่างน้อยๆเป็นหลักล้านคนที่ต้องการเห็น ซึ่งวิบากกรรมเหล่านี้เขาสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น แล้วเราจะยอมเขาหรือ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการสร้างระบบงาน ระบบพรรคให้ประชาชนไว้วางใจและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ให้ประเทศพัฒนาไปในจุดที่ประชาชนคาดหวัง

เมื่อถามว่า คาดหวังหรือไม่ว่าการยุบพรรคครั้งนี้จะเป็นการยุบครั้งสุดท้าย นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราคาดหวังว่าเป็นครั้งสุดท้ายและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ถ้าพวกเราร่วมมือกับพรรครัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ในการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดสรรอำนาจที่พอเหมาะพอสมให้กับองค์กรอิสระ เพราะองค์กรอิสระที่มีอำนาจมากขนาดนี้ถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าการตรวจสอบถ่วงดุลยังอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และยึดโยงกับประชาชนหรือไม่ และจำกัดอำนาจให้พอเหมาะพอสมลง

นายวิโรจน์  ยังได้กล่าวถึงการนำสมาชิกไปเปิดตัวสังกัดพรรคใหม่ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ จะมากันครบหรือไม่ ว่า เราไม่ได้มีการเช็กชื่อ แต่เรามีการเช็กหัวใจกัน มีการพูดคุยกัน จากการหารือคิดว่าน่าจะไปสมัครพร้อมกัน คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนชื่อพรรคที่จะไปสังกัดใหม่นั้น ขอให้รอก่อน ตนยังบอกไม่ได้ เพราะตนก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าพวกเราจะไปในที่ใหม่อย่างพร้อมเพรียง

เมื่อถามว่า จะมีการต้านพลังต่อพรรคการเมืองที่จะมาซื้อตัวอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายยาก แต่เรื่องของความยุติธรรม ทุกคนรู้ว่าที่มาของเรามาจากความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน 14 ล้านเสียง ทุกคนตระหนักอยู่ในใจดีว่าคนที่เคยเป็นงูเห่าในอดีต และหักหลังต่อความไว้วางใจจากประชาชน มีจุดจบอย่างไร คงไม่ต้องบอกกันอยู่แล้ว ปัจจุบันดินฟ้าอากาศ อุณหภูมิทางการเมือง ไม่มีความจำเป็นต้องมาซื้อตัวขนาดนี้ ต่างจากในยุคก่อนที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ อุปสงค์อุปทานต่างไปจากเดิม ความมุ่งมั่นของสส.ก็ต่างไปจากเดิม

เมื่อถามว่า มีอะไรจากฝากไปถึงพรรคการเมืองที่จะมาซื้อตัวสส.อดีตพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ กล่าวว่า “ไม่ต้องฝากหรอกมั้ง เขาคงเลิกไปแล้ว คงโยนหินถามทาง หมาหยอกไก่ เมื่อถามว่าจำนวนเงินในการซื้อตัว20-30ล้านบาท จริงหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับตนว่าไม่จริง ก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม คงทาบทามตามประสาคนที่เคยทำ ลองถามไถ่ดูได้ก็ดีฟรีก็เบิ้ล แต่พอไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่ท่านเรียกเขาก็เงียบไป

ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี  นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล หลุดจากตำแหน่ง ส.ส. เพื่อไทยจะส่งผู้สมัครลงสมัคร ส.ส. ในเขตดังกล่าวหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ทางพรรคกำลังสอบถามไปยังอดีตผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทยในเขตดังกล่าวว่าพร้อมหรือไม่  เมื่อถามถึงตำแหน่งรองประธานสภาที่ว่างลง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง ตั้งขึ้นกันก่อนที่จะมีรัฐบาลปัจจุบัน เมื่อตำแหน่งว่างลง พรรคร่วมรัฐบาลคงต้องคุยกัน เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเหนียวแน่น จึงมั่นใจว่าคุยกันได้