วันที่ 8 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่สภาทนายความ ทนายอนันต์ชัยเปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีลัทธิเชื่อมจิต ไม่ได้น้อยใจหรือท้อใจแต่รู้สึกสังเวชใจ ว่าทำไมรัฐถึงไม่ดำเนินการให้เด็ดขาด ทั้งทั้งที่เป็นศาสนาหลัก มีประชาชนนับถือมาก 

โดยทนายอนันต์ชัย ระบุว่า ตลอดชีวิตการเป็นทนายผมเกือบเฉียดตายมาแล้ว ดังนั้นการมาโลดแล่นในวงการนี้ เราจะท้อถอยไม่ได้เลย แต่หน่วยงานของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นสำนักพุทธหรือคณะสงฆ์ไทยไม่เอาใจใส่ เกี่ยวกับลัทธิเชื่อมจิตเท่าที่ควร ปล่อยให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน และพุทธศาสนิกชน ก็พูดถึงมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ที่ออกมาเคลื่อนไหวและต่อต้านลัทธิดังกล่าว อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย เรียกว่าโดนคดีกันทุกคน และขณะที่รัฐลอยตัว ไม่เคยออกแอ็คชั่นเลย ทุกวันนี้แม้มติเถระสมาคม มีพระโอวาทของสมเด็จพระสังฆราช ว่าลัทธินี้เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา แต่เขาก็ไม่เคย เกรงกลัว แต่ทุกคนกลับดำเนินการเผยแพร่ลัทธิดังกล่าวนี้อยู่อีก และวันที่ 22 กันยายนนี้จะไปสัมมนาที่ห้างดังแถวเลียบด่วน หน่วยงานรัฐก็ยังเพิกเฉย ปล่อยให้ตรงและประชาชนออกมาร้องแรกแหกกระเชอ แต่รัฐกลับเฉย ทั้งที่สถาบันพุทธศาสนาเป็นสถาบันหลัก วันนี้ถ้าไม่ได้ทุกคนช่วยกันผลักดัน คงจะไม่ได้มาถึงวันนี้ ใจเราก็สู้ไม่ถอย และสู้ต่อไป เราภูมิใจที่ได้รักษาสถาบันหลักของชาติ

ส่วนเรื่องการดำเนินการ เวลานี้กระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับลัทธิเชื่อมจิตในการดำเนินคดีจบแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของ ปอท. และสอบสวนกลาง ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 เดือนในการทำงานถือว่ามีความรวดเร็ว มีทั้งการวรวบรวมพยานหลักฐาน การไล่เส้นทางการเงินว่าเงินมาจากไหนและไปทางไหนซึ่งไม่สามารถบอกในรายละเอียดได้เพราะเป็นเรื่องของสำนวนการสอบสวน แต่เรื่องนี้ในส่วนตัวถือว่า ปอท.เป็นพระเอกเพราะตนเองทำสำนวนส่งให้พนักงานสอบสวนเอง ส่วนที่ศาลเยาวชนตนเองไม่ได้ทำเองจึงไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าจะมีการออกหมายเรียกและหมายจับในเร็วๆนี้

คดีนี้ถ้าหากว่าเชื่อมจิตชนะนั่นหมายถึงพุทธเถร พระไตรปิฎก จบเลยเพราะลัทธิจะเกิดขึ้นอีกมากมายโดยที่พระไตรปิฎกไม่มีความหมาย พวกนี้ตัวเองถือว่ากบฏทางพระพุทธศาสนา เมื่อไหร่ที่หมายเรียกหมายจับออกและถูกดำเนินคดีและมีคำพิพากษานั่นคือกบฏ ในความเห็นส่วนตัวต้องไม่ชนะไม่งั้น สำนักพุทธ มหาเถรสมาคม คณะสงฆ์ไทย พม. ปอท. สถาบันศาสนา จบแล้วต่อไปพุทธเถรวาทเราจะล่มสลายเหมือนอินเดีย

ส่วนกรณีที่จะมีการเปิดสัมนา ในความเห็นส่วนตัวไม่ควรทำเพราะ มหาเถรสมาคมมีความเห็นที่ 424/2567 การเชื่อจิตเป็นลัทธิซึ่งขัตต่อมติเถรสมาคม แล้วกำลังถูกดำเนินคดีข้อหา พรบ.คอมฯ พรบ.คุ้มครองเด็ก พรบ.ฟอกเงิน ฉ้อโกงประชาน พรบ.ควบคุมเรี่ยไร การที่ห้างหนึ่งมาจัดทำถือว่าเป็นความผิดพลาดไม่รู้หรือว่าสิ่งที่เขาจะทำสัมนาคือลัทธิ ไม่ได้เป็นศาสนาแล้วไปสนันสนุนเป็นการบ่อนทำลายพุทธศาสนา และหากมีการจัดขึ้นมาจริงๆก็คงจะต้องแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุน ซึ่งถือว่าคนเองได้ออกมาเตือนก่อนแล้วตอนนี้ความผิดยังไม่เกิดแต่ถ้าหากจัดวันไหนวันรุ่งขึ้นตนเองก็จะดำเนินคดีทันที