ผู้เสียหายทวงถามความคืบหน้าบริษัททัวร์ทิพย์ไปญี่ปุ่น แถมเปิดหลอกส่งคนไปทำงานอังกฤษเพิ่ม มูลค่าเสียหายกว่า 24 ล้านบาท


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ส.ค.67 ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายสุรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้จัดการบริษัทฯ เอกชนแห่งหนึ่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไหล่รถจักรยานยนต์ และ นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว พร้อมกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันเข้าพบ ร.ต.ท.กณวรรธ์ กฤดิสวน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีหลังถูกบริษัททัวร์ชื่อดัง ที่มี ดร.จีน่า ซึ่งเป็น ดร.กำมะลอ แห่งหนึ่งหลอกลวง เมื่อติดต่อขอคืนเงินแต่ไม่ได้รับคืนตามที่ตกลงไว้

นายสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ตนถูกบริษัททัวร์ที่มีเจ้าของแอบอ้างว่าเป็น ดร. ชื่อจีน่า สอนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง หลอกลวงตนในช่วงเดือน ธ.ค. 66 ซึ่งตนเคยแจ้งความไว้กับ พงส.กก.1 บก.ปคบ. เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 8 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า และจากการที่ตนหาข้อมูลมาทราบว่าบริษัททัวร์นี้ตั้งอยู่ที่จ.สมุทรปราการ แต่ได้ทำการปิดตัวลงไปแล้วพร้อมกับปิดเพจเฟสบุ๊กหนีเป็นที่เรียบร้อย

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตนซื้อทัวร์เพื่อจะพาลูกน้องไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ 67 ซึ่งบริษัททัวร์ดังกล่าวได้มีการติดต่อมาบอกตนก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยว 5 วันว่าบินไปไม่ได้เนื่องจากติดคดีร่วมกับ ”ทัวร์อ้วนผอม“ แต่เมื่อตนได้เช็ครายละเอียดกลับพบว่าทางบริษัททัวร์ดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ ”ทัวร์อ้วนผอม“ แต่อย่างใด โดยความเสียหายที่ตนถูกบริษัททัวร์ดังกล่าวหลอกไปนั้นเป็นมูลค่า 2.2 ล้านบาท จากนั้นเมื่อตนทราบว่าถูกหลอกจึงเดินทางมาแจ้งความ พร้อมกับโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กในกลุ่มท่องเที่ยว จึงทราบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกบริษัททัวร์ดังกล่าวหลอกกว่า 200 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 14 ล้านบาท นอกจากนี้ตนยังทราบว่ามีอีกกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกบริษัททัวร์ดังกล่าวหลอกในลักษณะพาไปทำงานที่ประเทศอังกฤษและประเทศเกาหลีโดยเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวกว่า 80 ราย ซึ่งหลอกผู้เสียหายรายละ 120,000-180,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายจากเคสหลอกไปทำงานประมาณกว่า 10 ล้านบาทสรุปรวมทั้งเคสทัวร์ทิพย์และเคสหลอกไปทำงานรวมความเสียหายแล้วกว่า 24 ล้านบาท ผู้เสียหายกว่า 300 คน 

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายในบางรายไม่แจ้งความเพราะเชื่อว่าทางบริษัททัวร์ดังกล่าวจะคืนเงินให้กับผู้เสียหาย และทางบริษัททัวร์ยังมีการข่มขู่กับผู้เสียหายบางรายว่า รู้จักกับทางเจ้าหน้าที่ของ บก.ปคบ. หากพบว่าผู้เสียหายมาแจ้งความจะไม่ทำการคืนเงินให้ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน. แห่งหนึ่ง (ราษฎร์บูรณะ) ข่มขู่ตนว่าห้ามโพสต์เฟสบุ๊ก หรือห้ามออกสื่อ และจะให้บริษัททัวร์ทยอยคืนเงินให้ โดยตนได้มีการเช็คข้อมูลพบว่าตำรวจคนดังกล่าวเป็นตำรวจจริงจึงคาดว่าบริษัททัวร์จะรู้จักและมีความสัมพันธ์กับตำรวจคนดังกล่าว และด้วยคดีไม่มีความคืบหน้า ตนจึงคาดว่าบริษัททัวร์ดังกล่าวจะมีเส้นสายอะไรหรือไม่ 

ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้เสียหายตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานภาครัฐหน่วยใดก็ได้ผ่านสื่อมวลชน เพื่อช่วยเป็นสื่อกลางและกระบอกเสียงให้ช่วยเร่งรัดติดตามจับกุมดร.กำมะลอที่เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ดังกล่าว และขบวนการต่าง ๆ รวมทั้งติดตามเงินของผู้เสียหายกลับคืนมา เพื่อบรรเทาความเสียหายและเยียวยา พร้อมตั้งรางวัลหากหน่วยงานใดก็ตามที่สามารถจับกุม ดร.กำมะลอ พร้อมขบวนการและติดตามนำเงินมาคืนผู้เสียหายได้ จะมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท

หลังเข้าพบ พงส.กก.1 บก.ปคบ.แจ้งผู้เสียหายว่ากำลังรอคำสั่งผู้บังคับบัญชาพิจารณารวมสำนวนเป็นคดีเดียวกันอยู่อก่อนจะขอหมายจับ ดร.กำมะลอ ฐานฉ้อโกงประชาชนต่อไป